นครนิวยอร์กบังคับใช้แผนการจัดเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับการจราจรคับคั่ง สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าสู่ย่านใจกลางเมือง หวังแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัด
ทางการนครนิวยอร์กของสหรัฐฯ เริ่มเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ขับรถที่เข้าสู่ย่านแมนฮัตตัน ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันอาทิตย์ (5 ม.ค.) เช่นผู้ขับรถยนต์ส่วนบุคคลจะต้องจ่ายเงิน 9 ดอลลาร์ เพื่อเข้าถึงพื้นที่ที่พลุกพล่านที่สุดของนครนิวยอร์กในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน
องค์การขนส่งมหานครนิวยอร์ก หรือเอ็มทีเอ (MTA) เริ่มบังคับใช้แผนการจัดเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับการจราจรคับคั่ง ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ทางตอนล่างและตอนกลางของย่านแมนฮัตตันในนครนิวยอร์ก ซึ่งเป็นที่ตั้งของย่านไทม์สแควร์ ตึกเอ็มไพร์สเตท และตลาดหุ้นวอลล์สตรีท ตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 ม.ค.
ค่าธรรมเนียมที่เรียกว่า "ค่าธรรมเนียมความแออัด" มีไว้เพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัดในนครนิวยอร์ก ขณะเดียวกันก็ระดมทุนเพื่อช่วยซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งสาธารณะที่กำลังประสบปัญหา
นายแจนโน ลีเบอร์ ประธานและซีอีโอของเอ็มทีเอ กล่าวว่า "นี่เป็นระบบเก็บค่าผ่านทางที่ไม่เคยมีใครลองใช้มาก่อนในแง่ของความซับซ้อน" โดยค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ขับขี่จะขึ้นอยู่กับเวลาของวัน และขึ้นอยู่กับว่าผู้ขับขี่มีบัตร E-ZPass หรือไม่ ซึ่งเป็นระบบเก็บค่าผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในหลายรัฐ
ผู้ขับขี่ส่วนใหญ่ที่ใช้ E-ZPass จะถูกหักค่าธรรมเนียม 9 ดอลลาร์เพื่อเข้าสู่เขตแมนฮัตตัน ทางใต้ของสวนสาธารณะเซ็นทรัลพาร์คในวันธรรมดา ระหว่างเวลา 05.00 น. ถึง 21.00 น. และในวันหยุดสุดสัปดาห์ ระหว่างเวลา 09.00 น. ถึง 21.00 น. ในช่วงนอกเวลาทำการ ค่าผ่านทางจะอยู่ที่ 2.25 ดอลลาร์
ค่าผ่านทางสำหรับรถมอเตอร์ไซค์คือ 4.50 ดอลลาร์ในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน และ 1.05 ดอลลาร์ในช่วงกลางคืน โดยรถจะถูกเรียกเก็บเพียงครั้งเดียวต่อวัน ส่วนรถบรรทุกขนาดเล็ก และรถบัสโดยสารบางคัน จะมีค่าผ่านทาง 14.40 ดอลลาร์ในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน และ 3.60 ดอลลาร์ในช่วงกลางคืน ขณะที่รถบรรทุกขนาดใหญ่ และรถโดยสารประจำทางจะจ่ายค่าผ่านทาง 21.60 ดอลลาร์ในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน และ 5.40 ดอลลาร์ในช่วงกลางคืน
...
ส่วนแท็กซี่และรถรับจ้าง ที่ได้รับใบอนุญาตจากสมาคมแท็กซีและลิมูซีนนิวยอร์ก จะมีสิทธิ์ได้รับค่าธรรมเนียมต่อเที่ยวที่ลดลง ซึ่งผู้โดยสารต้องจ่ายสำหรับแต่ละเที่ยวทั้งไปหรือจากภายในหรือผ่านเขตบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัด
สำหรับทั้งช่วงที่มีการจราจรหนาแน่นและช่วงกลางคืน ค่าธรรมเนียมต่อเที่ยวสำหรับรถรับจ้างขนาดใหญ่คือ 1.50 ดอลลาร์ สำหรับแท็กซี่ รถแท็กซี่สีเขียว และรถสีดำ ค่าธรรมเนียมต่อครั้งคือ 0.75 ดอลลาร์
นายลีเบอร์กล่าวว่า ผู้ที่มีรายได้น้อยและผู้พิการจะได้รับส่วนลดภายใต้ระบบใหม่ โดยเป้าหมายหลักประการหนึ่งของโครงการนี้คือการลดปัญหาการจราจรคับคั่ง เพื่อให้รถประจำทางและเจ้าหน้าที่กู้ภัย เช่น ตำรวจ นักดับเพลิง และรถพยาบาล ไม่ต้องติดอยู่ในรถพยาบาล และเพื่อสร้างแรงจูงใจให้คนขับรถบรรทุกส่งของในเวลากลางคืน
เมืองใหญ่ๆ อื่นๆ ทั่วโลก รวมทั้งกรุงลอนดอนและกรุงสตอกโฮล์ม ก็มีโครงการคิดราคาค่าผ่านทางที่คล้ายคลึงกัน แต่โครงการนี้ถือเป็นโครงการแรกในสหรัฐฯ.
ที่มา MTA
อ่านข่าวเพิ่มเติม https://www.thairath.co.th/news/foreign