• พลโท อิกอร์ คิริลลอฟ หัวหน้ากองกำลังป้องกันกัมมันตภาพรังสี ชีวภาพ และสารเคมีของรัสเซีย กับผู้ช่วยของเขาถูกระเบิดรุนแรงเทียบเท่า TNT หนัก 300 กิโลกรัม สังหารเสียชีวิตกลางกรุงมอสโก โดยจุดที่เกิดระเบิดอยู่ห่างจากทำเนียบประธานาธิบดีเพียง 7 กิโลเมตร 
  • หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรอง SBU ของยูเครนออกมาอ้างว่าอยู่เบื้องหลังการลอบสังหารนายพลคิริลอฟ ผู้อยู่เบื้องหลังการใช้อาวุธเคมีในยูเครน ในช่วงสงครามการสู้รบรัสเซีย-ยูเครน ที่ดำเนินมากว่า 3 ปีแล้ว
  • ทางด้านคณะกรรมการสืบสวนของรัสเซียระบุว่า กำลังเปิดการสืบสวนคดีอาชญากรรมต่อการเสียชีวิตของนายพลคิริลลอฟกับผู้ช่วยของเขาแล้ว โดยมีเป้าหมายเพื่อหาข้อเท็จจริงของสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น

พลเอกอิกอร์ คิริลอฟ นายพลผู้รับผิดชอบกองกำลังป้องกันอาวุธนิวเคลียร์และเคมีของกองทัพรัสเซียเสียชีวิตเมื่อวันอังคาร 17 ธันวาคม จากเหตุระเบิดในกรุงมอสโก โดยเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานความมั่นคงของยูเครน หรือที่เรียกว่า SBU เปิดเผยว่า ยูเครนเป็นผู้ลงมือสังหารครั้งนี้

คณะกรรมการสอบสวนของรัสเซีย เปิดเผยรายละเอียดที่ระบุว่า พลโทคิริลอฟ วัย 54 ปี เสียชีวิตพร้อมผู้ช่วยหลังจากเกิดเหตุระเบิดที่ซุกซ่อนอยู่ในรถสกู๊ตเตอร์ที่จอดอยู่ใกล้ทางเข้าอาคารที่พักอาศัย เมื่อเวลาประมาณ 06.12 น.ตามเวลาท้องถิ่น แรงระเบิดยังทำให้หน้าต่างของอาคารฝั่งตรงข้ามแตกกระจาย เนื่องจากเป็นระเบิดหนัก 300 กรัม ที่มีความรุนแรงเทียบเท่าระเบิด TNT ที่ถูกควบคุมจากระยะไกล 

...

นายพลคิริลอฟ เป็นใคร

นายพลคิริลอฟ มีอายุ 54 ปีในตอนที่เขาเสียชีวิต เขาดำรงตำแหน่งหัวหน้ากองกำลังป้องกันรังสี เคมี และชีวภาพมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2017 โดยกองกำลังพิเศษในกองทัพรัสเซียปฏิบัติการภายใต้สภาวะที่มีการปนเปื้อนของกัมมันตภาพรังสี สารเคมี และสิ่งมีชีวิต

ชีวิตส่วนตัวพลโทคิริลอฟแต่งงานแล้วและมีลูกชายสองคน ที่ผ่านมาเขาเป็นบุคคลที่ถูกคว่ำบาตรจากหลายประเทศ รวมทั้งสหราชอาณาจักรและแคนาดา เนื่องจากบทบาทของเขาในสงครามในยูเครน

เพียงหนึ่งวันก่อนที่นายพลคิริลอฟจะถูกสังหาร ยูเครนได้กล่าวหาว่านายพลคิริลอฟก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ โดยกล่าวว่าเขาเป็นผู้รับผิดชอบต่อ "การใช้สารเคมีต้องห้ามอย่างร้ายแรง" ในยูเครน หน่วยงานความมั่นคงกล่าวว่ากองกำลังรัสเซียใช้สารเคมีในสนามรบมากกว่า 4,800 ครั้ง นับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้นตามคำสั่งของนายพลคิริลอฟ ขณะที่รัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหาของยูเครนในระหว่างการประชุมองค์การเพื่อการห้ามใช้สารเคมีเมื่อเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา

ยูเครนระบุว่า อาวุธเคมีที่รัสเซียใช้มักเป็นระเบิดมือที่มีสารเคมีระคายเคือง CS และ CN แก๊สน้ำตาเหล่านี้ซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลมักใช้เพื่อควบคุมฝูงชน และเป็นสารเคมีที่ถูกห้ามใช้ในสงครามภายใต้อนุสัญญาอาวุธเคมี ซึ่งเป็นสนธิสัญญาควบคุมอาวุธที่ลงนามโดยประเทศต่างๆ มากกว่า 150 ประเทศ รวมทั้งรัสเซียด้วย

ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยว่า รัสเซียได้ใช้คลอโรพิคริน ซึ่งเป็นยาที่ทำให้หายใจไม่ออกซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในสงครามโลกครั้งที่ 1 รวมไปถึงแก๊สน้ำตาในสนามรบ อังกฤษได้ใช้มาตรการคว่ำบาตรนายพลคิริลอฟเมื่อฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมา โดยอ้างถึงความรับผิดชอบของเขาในการใช้อาวุธเคมีในยูเครน

ตามข้อมูลของกองทัพรัสเซีย กองพลที่นายพลคิริลอฟกำกับดูแลนั้นมีหน้าที่เฉพาะทาง อาทิ การปกป้องกองทหารรัสเซียเมื่อมีการใช้อาวุธเคมีและอาวุธนิวเคลียร์ ขณะเดียวกันที่ผ่านมาเขายังโดดเด่นในแคมเปญโฆษณาชวนเชื่อของรัสเซียต่อยูเครนและตะวันตก โดยมักให้สัมภาษณ์กับสื่อและปรากฏตัวทางโทรทัศน์พร้อมคำกล่าวอ้างที่ไม่มีมูลความจริง ในปี 2023 เขากล่าวว่าสหรัฐฯ กำลังวางแผนที่จะใช้โดรน "ที่ออกแบบมาเพื่อแพร่เชื้อยุง"

การตอบโต้จากรัสเซีย

หลังเกิดเหตุ สเวตลานา เปตเรนโก โฆษกคณะกรรมการสอบสวนของรัสเซียประกาศว่าได้เปิดสอบสวนเป็นคดีอาญาแล้ว โดยถือว่าเหตุระเบิดครั้งนี้เป็นการโจมตีของผู้ก่อการร้าย ขณะเดียวกัน มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงต่างประเทศกล่าวชื่นชมพลโทคิริลอฟ ว่าเขาทำงานอย่างไม่เกรงกลัวเพื่อปกป้องมาตุภูมิ เพื่อเปิดโปงอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับอาวุธเคมีและอาชญากรรมอื่นๆ ของชาติตะวันตก

ทางด้านนายดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีและรองประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งรัสเซีย ให้คำมั่นว่าจะ ตอบโต้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต่อผู้นำทางทหารและการเมืองของยูเครน

...

ขณะที่รัสเซียกล่าวหาว่ายูเครนอยู่เบื้องหลังการลอบสังหารบุคคลสำคัญของกองทัพมาแล้วหลายคนในช่วงสงครามโดยระบุว่า ปกติแล้วยูเครนปฏิเสธว่าเป็นคนลงมือโจมตีภายในรัสเซีย หรือไครเมีย แต่จะเห็นได้ว่า เจ้าหน้าที่ยูเครนมักจะเฉลิมฉลองในโพสต์บนโซเชียลมีเดีย

เมื่อเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมาวาเลรี ทรังคอฟสกี้ นายทหารเรืออาวุโสของรัสเซีย เสียชีวิตจากเหตุระเบิดรถยนต์ในไครเมีย ในกรณีนี้ แหล่งข่าวในหน่วยงานความมั่นคงของยูเครนแจ้งต่อสำนักข่าว AFP ของฝรั่งเศสว่ายูเครนอยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้

ต่อมาในเดือนสิงหาคม 2022 ดาเรีย ดูกินา บุตรสาวของ อเล็กซานเดอร์ ดูกินา นักชาตินิยมสุดโต่งชาวรัสเซีย เสียชีวิตจากเหตุระเบิดรถยนต์ ยูเครนปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมของเธอ

จากนั้นในเดือนเมษายน 2023 วลาดเลน ทาทาร์สกี บล็อกเกอร์ชาวรัสเซียที่สนับสนุนสงครามเสียชีวิตจากเหตุระเบิดที่ร้านกาแฟในนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ยูเครนไม่ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบ แต่กลับกล่าวโทษว่าเกิดจากการต่อสู้ภายในประเทศรัสเซียเอง