รัฐควีนส์แลนด์ของออสเตรเลียผ่านกฎหมาย เพิ่มโทษเด็กอายุต่ำสุด 10 ขวบ ให้ต้องรัฐโทษเท่าผู้ใหญ่ กรณีทำผิดร้ายแรงอย่าง ฆาตกรรม หรือทำร้ายร่างกายสาหัส
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัฐสภาของรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย ผ่านกฎหมาย ให้เด็กอายุตั้งแต่ 10 ขวบขึ้นไป มีโอกาสต้องรับโทษเท่ากับผู้ใหญ่ หากพวกเขาถูกตัดสินว่ามีความผิดจริงในข้อหาอาชญากรรม เช่น ฆาตกรรม, ทำร้ายร่างกายสาหัส และ บุกรุกเคหะสถาน
รัฐบาลท้องถิ่นของควีนส์แลนด์ระบุว่า การเพิ่มโทษให้รุนแรงขึ้นนี้ เป็นการตอบสนองต่อกระแสความไม่พอใจในชุมชน ต่ออัตราการเกิดอาชญากรรมฝีมือเด็กอายุน้อยที่เพิ่มสูงขึ้น และจะใช้เป็นการป้องปรามด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญหลายคนชี้ว่า มีผลวิจัยหลายฉบับที่บอกว่า การเพิ่มโทษให้รุนแรงขึ้นไม่ได้ลดทอนการกระทำผิดในหมู่คนอายุน้อย และอาจทำให้เพิ่มสูงขึ้นแทน
องค์การสหประชาชาติก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์กฎหมายใหม่ของรัฐควีนส์แลนด์ ระบุว่า กฎหมายนี้ไม่คำนึงถึงสนธิสัญญาเรื่องสิทธิมนุษยชนของเด็ก และละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม พรรคชาติเสรีนิยม (Liberal National Party - LNP) ซึ่งชนะการเลือกตั้งในรัฐควีนส์แลนด์เมื่อเดือนตุลาคม ชูเรื่องการเพิ่มโทษให้ผู้กระทำผิดอายุน้อย เป็นนโยบายหลักในการหาเสียง โดยระบุว่า พวกเขาให้ความสำคัญกับ “สิทธิของเหยื่อ” มากกว่า “สิทธิของอาชญากร”
ก่อนหน้าการโหวตลงมติในควีนส์แลนด์ กลุ่มการเมืองทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลต่างอ้างเป็นเสียงเดียวกันว่า รัฐของพวกเขากำลังเผชิญระลอกคลื่นการก่ออาชญากรรมของคนรุ่นเยาว์ และการเพิ่มโทษเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อต่อสู้กับปัญหานี้
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจาก สำนักงานสถิติแห่งออสเตรเลีย ชี้ว่า การก่ออาชญากรรมของผู้เยาว์ในรัฐควีนส์แลนด์ลด 50% ในช่วง 14 ปีที่ผ่านมา โดยแตะค่าต่ำสุดในปี 2565 จากนั้นอัตราก็ค่อนข้างทรงตัวมาตลอด
...
ส่วนตัวเลขจากสำนักงานตำรวจรัฐควีนส์แลนด์ กับสถาบันอาชญาวิทยาแห่งออสเตรเลียก็ชี้ว่า การก่ออาชญากรรมของผู้เยาว์มีแนวโน้มลดลงอย่างมั่นคง
ทั้งนี้ กฎหมายฉบับใหม่ของรัฐควีนส์แลนด์ กำหนดรูปแบบการกระทำผิดที่เด็กต้องรับโทษเท่าผู้ใหญ่ไว้ 13 อย่าง เช่นการฆาตกรรม ผู้เยาว์ต้องรับโทษจำคุกตลอดชีวิต โดยไม่มีโอกาสขอทำทัณฑ์บนเพื่อปล่อยตัวก่อนกำหนดอย่างน้อย 20 ปี จากเดิมที่ติดคุกสูงสุด 10 ปี และจะจำคุกตลอดชีวิตก็ต่อเมื่อเป็นคดีที่โหดร้ายเป็นพิเศษเท่านั้น
นอกจากนั้น กฎหมายยังตัดข้อกำหนดที่ว่า “ใช้โทษคุมขังเป็นวิธีสุดท้าย” ซึ่งจะทำให้ศาลพิจารณาลงโทษผู้เยาว์ ด้วยการปรับเงิน หรือบำเพ็ญประโยชน์ ก่อนโทษจำคุก ออกไปด้วย ทำให้ผู้พิพากษาสามารถพิจารณาบทลงโทษจากประวัติอาชญากรรมของผู้กระทำผิดที่เป็นผู้เยาว์ได้อย่างเต็มที่
สหภาพตำรวจรัฐควีนส์แลนด์ระบุว่า นี่เป็นการก้าวกระโดดไปในทางที่ถูกต้อง ขณะที่น.ส.เดโบราห์ เฟรกคลิงตัน อัยการสูงสุดคนใหม่ของรัฐควีนส์แลนด์ กล่าวว่า กฎหมายนี้จะช่วยให้ศาลมีขีดความสามารถในการลงโทษผู้กระทำผิดสำหรับการกระทำของพวกเขาได้ดียิ่งขึ้น
แต่ น.ส.เฟรกคลิงตันยอมรับว่า ความเปลี่ยนแปลงนี้ขัดแย้งต้องมาตรฐานสากลโดยตรง โดยที่เด็กๆ ชนพื้นเมืองอาจได้รับผลกระทบอย่างไม่สมส่วน และจะทำให้มีผู้เยาว์อยู่ให้ห้องขังของตำรวจเป็นเวลานานขึ้น เรื่องจากทัณฑสถานต่างๆ เต็ม ซึ่งรัฐควีนส์แลนด์เป็นรัฐที่มีเด็กถูกคุมขังอยู่มากกว่ารัฐอื่นๆ ในออสเตรเลียอยู่แล้ว
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : bbc