เมื่อคืนวันอังคารที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา ประมาณสัก 4 ทุ่ม บ้านเราเห็นจะได้ ผมเปิดโทรทัศน์ช่อง CNN ของทรูวิชั่นส์ เพื่อจะดูก่อนนอนตามความเคยชินของผม...ก็พบว่ากำลังมีข่าวด่วนจี๋ช็อกโลกข่าวหนึ่งเกิดขึ้นที่กรุงโซล เกาหลีใต้
เป็นผลมาจากการที่ท่านประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ท่านปัจจุบัน ยุน ซอกยอล ได้ออกมาประกาศกฎอัยการศึก เพื่อใช้กำลังทหารในการแก้ปัญหาหลายๆประการที่รัฐบาลของท่านเผชิญอยู่
ชาวเกาหลีใต้ได้ยินประกาศแล้วก็ตกใจออกมาประท้วงในหลายๆ จุด และบางกลุ่มก็มุ่งหน้าไปที่รัฐสภา เพราะมีข่าวเผยแพร่ทางโซเซียลมีเดียว่า สมาชิกสภากลุ่มใหญ่กำลังเดินทางไปประชุมกัน เพื่อลงมติไม่รับประกาศฉุกเฉินดังกล่าวนี้
แต่ถูกกำลังทหารไปขัดขวางไว้ ประชาชนจึงแห่กันไปต่อต้านทหารเพื่อเปิดทางให้แก่สมาชิกสภาเข้าสู่ห้องประชุม เกิดการผลักไสไปมาส่งเสียงตะโกนลั่นจอทีวีไปหมด
แต่ในที่สุดสมาชิกสภาส่วนใหญ่ก็เข้าสู่สภาได้ และลงมติถึง 190 เสียง จากทั้งหมด 300 เสียง เกินกึ่งหนึ่งควํ่าการประกาศกฎอัยการศึกฉบับนี้ในอีกไม่นานนักต่อมา
ส่งผลให้ประธานาธิบดียุน ซอกยอล ยอมถอนการประกาศกฎอัยการศึกและกำลังทหารที่ออกมาเพื่อปฏิบัติการในตอนแรกก็ถอยกลับเข้ากรมกอง ทำให้กรุงโซลเงียบสงบเหมือนเดิม
นักวิเคราะห์การเมืองเกาหลีใต้ระบุว่า ประธานาธิบดี ยุน ซอกยอล ซึ่งได้รับเลือกตั้งมาเมื่อปี 2022 ได้กลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยภายหลังการเลือกตั้งสมาชิกสภา เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งปรากฏว่าพรรคฝ่ายค้านได้คะแนนเสียงมากกว่า
ท่านยุน ซอก ยอล จะเสนอกฎหมายอย่างไรก็ไม่ผ่าน แม้แต่จะเสนอกฎหมายงบประมาณก็ไม่ผ่านอีก กลายเป็นรัฐบาล “เป็ดง่อย” ทำอะไรไม่ค่อยได้มาตั้งแต่นั้น
...
ท่านคงอึดอัดเต็มทีและไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร จึงตัดสินใจประกาศภาวะฉุกเฉิน โดยหวังจะใช้อำนาจเด็ดขาดผ่านระบบทหาร...แต่ประชาชนไม่ยอมและรวมตัวกันออกมาช่วย สส.ยกมือควํ่าประกาศอันเป็นเผด็จการของท่านได้สำเร็จ
ขณะที่ผมเขียนคอลัมน์วันนี้ยังไม่รู้ว่าชะตากรรมของท่านจะเป็นอย่างไร? แต่คาดกันไว้ว่าถ้าท่านไม่ลาออกเองก็คงถูกสภาถอดถอนอย่างแน่นอน...โปรดติดตามข่าวคราวกันด้วยนะครับ
โดยส่วนตัวของผมที่ติดตาม “การพัฒนา” ในทุกๆด้านของเกาหลีใต้มากว่า 50 ปี เคยนึกน้อยใจอยู่บ่อยๆครั้งว่าเรากับเขาต่างก็เป็น “ลูกศิษย์” ของ ธนาคารโลก รุ่นเดียวกัน...จัดทำ แผนพัฒนาเศรษฐกิจ ฉบับแรกมาพร้อมๆกัน ได้รับเงินกู้ก้อนแรกๆจากธนาคารโลก ในเวลาใกล้เคียงกันแต่เขาไปไกลกว่าเรามาก
เผลอหน่อยเดียวเขาก้าวขึ้นเป็นประเทศพัฒนาแล้ว มีรายได้ต่อหัวอันดับ 30 ของโลก ในขณะที่ไทยแลนด์ซึ่งเริ่มพัฒนาพร้อมกันมีรายได้ต่อหัวอยู่อันดับที่ 94 ของโลก อยู่ในกลุ่มประเทศรายได้ปานกลางขั้นสูงเท่านั้นเอง
นักวิเคราะห์ให้ข้อสังเกตว่าความสำเร็จของเกาหลีใต้เป็นเพราะความขยันขันแข็งและความกดดันทางประวัติศาสตร์ที่ต้องการเอาชนะ ญี่ปุ่น และการ “เข้าสู่” ระบอบประชาธิปไตยเต็มตัว
ระบอบประชาธิปไตยแบบทุนนิยมเหมาะสมอย่างยิ่งกับประเทศที่รักการค้าขายและมีความสามารถในการแข่งขัน (ในทุกด้าน) อย่างสูงยิ่งของประเทศนี้
เห็นการต่อสู้ยิบตาไม่ยอมรับอำนาจเผด็จการของประชาชนชาวเกาหลีใต้ และท่าน สส.ของเขาแล้วก็ต้องยกหัวนิ้วโป้งให้ด้วยความชื่นชมในความเป็นนักประชาธิปไตยของชาวเกาหลีใต้ยุคนี้
กว่า 40 ปีที่เขาหลุดจากเผด็จการมาได้ เขาไม่หวนกลับไปอีกเลย...ครั้นมีคนจะหวนกลับอย่างเมื่อวานนี้ เขาก็ต่อต้านจนได้ชัยชนะ
ตรงข้ามกับเรา หวนกลับไปกี่ครั้งจำไม่ได้ละครับ...และก็ไม่การันตีว่าจะไม่หวนกลับไปอีก ในสถานการณ์ที่เห็นและเป็นอยู่ในปัจจุบันนี้จะไม่ให้คนรุ่นเก่าอย่างผมน้อยใจได้อย่างไรล่ะครับ.
"ซูม"
คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม