ก็สร้างความตื่นตะลึงไปทั่วโลก เมื่อ ประธานาธิบดียุน ซอกยอล ผู้นำเกาหลีใต้ ประกาศใช้ “กฎอัยการศึก” ยึดอำนาจกลางดึกคืนวันอังคารที่ 3 ธันวาคม เวลา 22.50 น. โดยอ้างว่า พรรคการเมืองฝ่ายค้านที่มีเสียงข้างมากในสภา บ่อนทำลายรัฐบาล เอนเอียงเข้าข้างเกาหลีเหนือ จึงต้องประกาศกฎอัยการศึก เพื่อทำลายกองกำลังต่อต้านรัฐที่ซุ่มซ่อนอยู่ภายในรัฐสภา เพื่อปกป้องระบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ
การประกาศกฎอัยการศึก ทำให้ประเทศตกอยู่ภายใต้การปกครองของกองทัพ เกาหลีใต้เคยประกาศกฎอัยการศึกครั้งสุดท้ายเมื่อ 44 ปีที่แล้ว หลังจากที่ ประธานาธิบดีปัก จุงฮี ผู้นำเกาหลีใต้คนสำคัญถูกลอบสังหารระหว่างเกิดการรัฐประหาร
หลังจากที่ ประธานาธิบดียุน ประกาศใช้กฎอัยการศึก กองทัพเกาหลีใต้ก็ออกคำสั่งห้ามการชุมนุม ห้ามกิจกรรมทางการเมืองทุกประเภท ส่งทหารไปยึดรัฐสภา และออกคำสั่งให้สื่อและสิ่งพิมพ์ทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล แต่ในโลกเสรียุคเอไอการใช้อำนาจปฏิวัติแบบเดิมๆทำไม่ได้อีกต่อไป ทันทีที่ประธานาธิบดียุนประกาศยึดอำนาจรัฐด้วยกฎอัยการศึก นายลี แจ-มยอง ผู้นำฝ่ายค้านพรรคดีพี (Democratic Party) ที่มีเสียงข้างมากในสภาผู้แทน ก็ได้ประกาศทาง YouTube เรียกร้องให้ สส.เข้าร่วมประชุมสภาฉุกเฉินเพื่อลงมติต่อต้านกฎอัยการศึกทันที เรียกร้องให้ประชาชนออกมาชุมนุม
แม้จะมีทหารตำรวจพร้อมอาวุธเข้าตรึงอาคารรัฐสภา แต่ สส.ฝ่ายค้าน ร่วมกับประชาชนที่มาชุมนุมรอบรัฐสภา ก็สามารถฝ่าด่านทหารตำรวจเข้าไปในสภาได้ถึง 190 คน จากสมาชิกทั้งหมด 300 คน บางคนก็ปีนรั้วเข้าไปจนครบองค์ประชุม และเรียกร้องให้ประชาชนออกมาชุมนุมต่อต้านไม่ให้รถถังรถหุ้มเกราะ และทหารติดอาวุธปกครองประเทศ โดยระบุว่า การประกาศกฎอัยการศึกของประธานาธิบดียุน เป็นการละเมิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ
...
ประมาณตีสองหลังประกาศกฎอัยการศึก 3 ชั่วโมง รัฐสภาเกาหลีใต้ก็มีมติเป็นเอกฉันท์ 190 เสียงต่อ 0 ให้การประกาศกฎอัยการศึกของประธานาธิบดียุนเป็นโมฆะ โดยอ้างอิง มาตรา 77 วรรค 5 ในรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้ ซึ่งกำหนดให้ประธานาธิบดีต้องยกเลิกกฎอัยการศึกทันทีตามมติรัฐสภา ถือเป็นชัยชนะอันงดงามของ “ระบอบประชาธิปไตย” ที่มี “กฎหมายรัฐธรรมนูญ” เป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ
ประมาณตี 5 หลังจากที่ประกาศใช้กฎอัยการศึก 6 ชั่วโมง ประธานาธิบดียุน ก็ยอมยกเลิกกฎอัยการศึก พรรคฝ่ายค้านเรียกร้องให้ประธานาธิบดียุน ลาออกทันที และให้ดำเนินคดีในข้อหา “กบฏ” ผมเขียนบทความนี้บ่ายวันพุธ สส. 191 คน ได้ยื่นญัตติไต่สวนประธานาธิบดียุนในวันพฤหัสบดี และให้มีการลงมติในวันนี้หรือวันเสาร์ วันนี้พรุ่งนี้ก็จะรู้หมู่รู้จ่ากันแล้วครับ
ประธานาธิบดียุน วัย 63 ปี ชนะการเลือกตั้งในปี 2565 อย่างเฉียดฉิว โดยชนะผู้นำฝ่ายค้านไปเพียง 0.8% แม้ชนะการเลือกตั้ง แต่ไม่ได้รับความนิยมจากประชาชน บริหารประเทศไม่เก่ง ทำให้เศรษฐกิจเกาหลีใต้ซบเซา บ้านมีราคาแพง อาหารแพง เด็กจบใหม่ไม่มีงานทำ ทำให้คนหนุ่มสาวไม่กล้าแต่งงาน นางคิม กอนฮี สุภาพสตรี หมายเลขหนึ่งก็มีข่าวอื้อฉาว ก็ถูกกล่าวหาว่าปั่นหุ้น รับสินบนเป็นกระเป๋าดิออร์ แต่ประธานาธิบดียุนใช้อำนาจวีโต้ไม่ยอมให้สอบสวนคดีของภริยา แม่ยายก็ถูกจำคุกฐานปลอมเอกสารการเงิน
การเลือกตั้ง สส.เดือนเมษายนที่ผ่านมา ฝ่ายค้านชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลายครองเสียงข้างมากในสภากว่า 180 เสียง จาก 300 เสียง ทำให้รัฐบาลยุนกลายเป็นเป็ดง่อย จุดแตกหักล่าสุดคือ ฝ่ายค้านได้ตัดงบประมาณของรัฐบาล 4.1 ล้านล้านวอน และลดงบสำนักประธานาธิบดี ซึ่งยุนใช้อำนาจประธานาธิบดีวีโต้ไม่ได้ในกรณีงบประมาณ
ผมเชื่อว่า ยุน ซอกยอล จะถูกปลดจากประธานาธิบดีแน่นอน และ ถูกดำเนินคดีข้อหากบฏ สิ่งที่ต้องชื่นชมจากบทเรียนนี้คือ สปิริตนักการเมืองฝ่ายค้านเกาหลีใต้ กล้าฝ่าวงล้อมทหารตำรวจเข้าไปเปิดประชุมในรัฐสภา และลงมติให้กฎอัยการศึกเป็นโมฆะตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งคงจะไม่ได้เห็น “สปิริตการเมืองแบบนี้” ใน สส.ไทยแลนด์ แน่นอน.
“ลม เปลี่ยนทิศ”
คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม