ชาวเกาหลีใต้ฮือชุมนุมต่อต้านประธานาธิบดี “ยุน ซอกยอล” หลังจู่ๆ ประกาศกฎอัยการศึก ทั้งที่ประเทศไม่ได้อยู่ในภาวะสงครามหรือภาวะฉุกเฉิน ทำแผ่นดินโสมขาวปั่นป่วน สมาชิกรัฐสภาเกาหลีใต้ต้องบุกสภาปีนรั้วเข้ามารวมพลโหวตคว่ำ จนประธานาธิบดีต้องยอมยุติกฎอัยการศึก ภายหลังเกิดเหตุการณ์วุ่นวายไม่กี่ชั่วโมง ผู้นำฝ่ายค้าน ชี้เป็นการกระทำผิดกฎหมายและขัดรัฐธรรมนูญ ด้านพรรคพลังประชาชนของเกาหลีใต้เรียกร้องให้ลาออกจากพรรค ขณะที่กลุ่มพรรคการเมืองฝ่ายค้านของเกาหลีใต้ 6 พรรค ยื่นเอกสารถอดถอนจากตำแหน่งประธานาธิบดี

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ถึงบรรยากาศการเมืองเกาหลีใต้ที่เข้มข้นอย่างต่อเนื่อง โดยวันเดียวกันนี้ กลุ่มพรรคการเมืองฝ่ายค้านของเกาหลีใต้ทั้งหมด 6 พรรค คือ พรรคประชาธิปไตย พรรคฟื้นฟูเกาหลี พรรคปฏิรูป พรรคก้าวหน้า พรรคสังคมประชาธิปไตยและพรรครายได้พื้นฐาน ได้ยื่นเอกสารถอดถอนนายยุน ซอกยอล ให้พ้นจากตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ จากกรณีการประกาศใช้กฎอัยการศึก โดยจะมีการลงมติโดยเร็วที่สุดในวันที่ 6 ธ.ค. หรือภายในระยะเวลา 24-72 ชั่วโมง หลังมีการยื่นถอดถอน ทั้งนี้ การลงมติจะต้องได้รับเสียงสนับสนุน 200 เสียง จากทั้งหมด 300 เสียง ขณะนี้พรรคฝ่ายค้านครองเสียงในสภาอยู่ที่ 192 เสียง ต้องการอีก 8 เสียงจากพรรครัฐบาล คือ พรรคพลังประชาชน ที่เป็นสังกัดพรรคของนายยุน ซอกยอล เพื่อให้การถอดถอนสำเร็จ

วันเดียวกัน ชาวเกาหลีใต้ยังออกมาประท้วงขับไล่ประธานาธิบดีอย่างสันติ ในหลายพื้นที่ เช่น กรุงโซล นครปูซาน และเกาะเชจู ขณะที่สถานีโทรทัศน์เอ็มบีซีของเกาหลีใต้รายงานว่า นายฮัน ดงฮุน หัวหน้าพรรคพลังประชาชน เรียกสมาชิกพรรคร่วมประชุมฉุกเฉินช่วงเช้าหารือแนวทางในอนาคตต่อไป ส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่าต้องการให้นายยุน ซอกยอล ออกจากพรรค รวมถึงเรียกร้องให้สมาชิกคณะรัฐมนตรีและนายคิม ยงฮยอน รมว.กลาโหมลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากไม่สามารถขัดขวางการประกาศใช้กฎอัยการศึกได้ ต่อมานายคิม ยงฮยอน ได้ขอลาออกจากตำแหน่ง พร้อมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆ ส่วนนายฮัน ด็อกซู นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้ ได้เรียกประชุมฉุกเฉินร่วมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงเช่นกัน

...

ความเคลื่อนไหวทางการเมืองของเกาหลีใต้ ที่ทำให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นครั้งนี้ มีขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. วันที่ 3 ธ.ค. ตามเวลาท้องถิ่น นายยุน ซอกยอล ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ได้ประกาศใช้กฎอัยการศึกผ่านสถานีโทรทัศน์ทั่วประเทศ ให้เหตุผลว่าจำเป็นต้องปกป้องประเทศ จากกองกำลังคอมมิวนิสต์ของเกาหลีเหนือ การประกาศดังกล่าวส่งผลให้มีกำลังทหารราว 280 นาย รวมถึงตำรวจเข้าปิดล้อมอาคารรัฐสภาในเขตยองดึงโพ กรุงโซล และมีรถยานเกราะ เฮลิคอปเตอร์ มุ่งหน้ามาที่รัฐสภาเช่นกัน

เหตุการณ์นี้ยังส่งผลให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์และการต่อต้าน นายอี แจมยอง ผู้นำฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคประชาธิปไตย ประณามว่าการใช้กฎ อัยการศึกครั้งนี้ ของนายยุน ซอกยอล เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย พร้อมเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภามารวมตัวกันในที่ประชุมรัฐสภาเพื่อลงมติคัดค้านและให้ยกเลิกการประกาศใช้กฎอัยการศึก รวมถึงร้องขอให้ประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งประธานาธิบดีมารวมตัวที่รัฐสภา เช่นเดียวกับนายฮัน ดงฮุน ยังชี้ว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่กระจายกำลังอยู่บริเวณด้านหน้าทางเข้าของอาคาร ทำให้สมาชิกรัฐสภาไม่สามารถเดินทางเข้าไปภายในตัวอาคารได้ บางส่วนต้องปีนรั้วและปีนกำแพงที่สูงกว่า 1.5 เมตร เข้ามายังรัฐสภา เห็นได้จากที่นายอี แจมยอง ได้ถ่ายทอดสดเหตุการณ์ผ่านช่องยูทูบ

ขณะที่ตัวเองกำลังปีนข้ามกำแพงเข้ามาในอาคารรัฐสภาที่ยังมีการปะทะ ระหว่างประชาชนกับเจ้าหน้าที่แต่ไม่มีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้น พร้อมมีกลุ่มคนจำนวนมากร่วมตะโกนคัดค้านว่าไม่เอากฎอัยการศึก ขับไล่เผด็จการและสั่งให้เปิดประตูรัฐสภาดังขึ้นอย่าง

ต่อเนื่อง อีกทั้งมีการทำลายสิ่งกีดขวางที่กั้นทางเข้ารัฐสภาท่ามกลางอากาศหนาวยามค่ำคืน สุดท้ายสมาชิกรัฐสภาเกาหลีใต้จึงเข้าไปยังห้องประชุมและลงมติให้ยกเลิกกฎอัยการศึกของประธานาธิบดี ด้วยคะแนนเสียงสนับสนุน 190 เสียง ต่อ 0 เสียง ในเวลา 01.00 น. วันที่ 4 ธ.ค.ตามเวลาท้องถิ่น

ภายหลังจากรัฐสภามีมติให้ยกเลิกคำสั่งใช้กฎอัยการศึก ส่งผลให้ทหาร ตำรวจ เริ่มทยอยถอนกำลังออกจากอาคารรัฐสภา แม้ว่ากองทัพเกาหลีใต้แถลงว่าจะยังคงปฏิบัติตามกฎอัยการศึก จนกว่าจะได้รับคำสั่งยกเลิกอย่างเป็นทางการจากประธานาธิบดี แต่ต่อมานายยุน ซอกยอล ออกแถลงผ่านโทรทัศน์ว่า จะประกาศยกเลิกการบังคับใช้กฎดังกล่าวต่อเมื่อได้หารือร่วมกับคณะรัฐมนตรีแล้ว จนเวลาประมาณ 04.30 น.ตามเวลาท้องถิ่น ประธานาธิบดียุน ซอกยอล จึงมีคำสั่งยกเลิกการใช้กฎอัยการศึกอย่างเป็นทางการ

ขณะที่สำนักข่าวยอนฮับของเกาหลีใต้ รายงานว่า การตัดสินใจประกาศใช้กฎอัยการศึกของนายยุน ซอกยอล มีขึ้นหลังจากที่พรรครัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านมีความขัดแย้งกันก่อนหน้า พรรคประชาธิปไตยได้เสนอร่างงบประมาณแผ่นดินที่ลดลงจากปีก่อน รวมถึงต้องการลดค่าใช้จ่ายในกิจกรรมพิเศษของสำนักงานเลขาธิการประธานาธิบดี สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติและตัดเงินกองทุนสำรองของรัฐบาล อีกทั้งพรรคฝ่ายค้านยังมีการยื่นเสนอถอดถอนอัยการสูงสุดและผู้ตรวจสอบเงินแผ่นดิน

ส่วนสำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษระบุว่า นับแต่การเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาเมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา นายยุน ซอกยอล แทบไม่มีอำนาจใดและไม่สามารถผ่านร่างกฎหมายตามที่ต้องการได้ เนื่องจากพรรคพลังประชาชนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้การเลือกตั้ง เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย พรรคประชาธิปไตยของนายอี แจมยอง ครองที่นั่งไปได้ 170 เสียง ได้รับเสียง สนับสนุนจากพรรคร่วมฝ่ายค้านจนอยู่ที่ 192 เสียงจากที่นั่งในสภาทั้งหมด 300 ที่นั่ง อีกทั้งความนิยมของนายยุน ซอกยอล ลดลงเนื่องจากมีข่าวเสียหายเรื่องการทุจริต รวมถึงข่าวฉาวเรื่องกระเป๋าดิออร์ของนางคิม กอนฮี ภรรยา

แม้ท้ายที่สุดนายยุน ซอกยอล จะยอมถอยและประกาศยกเลิกการบังคับใช้กฎอัยการศึก แต่ยังมีปฏิกิริยาจากนานาชาติ แสดงความกังวลต่อสถานการณ์ความปั่นป่วนทางการเมืองในเกาหลีใต้ รัฐบาลสหรัฐฯเปิดเผยว่า มีความกังวลอย่างยิ่ง เช่นเดียวกับรัฐบาลอังกฤษ ที่นอกจากติดตามสถานการณ์แล้ว ยังประกาศให้ชาวอังกฤษปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น หลีกเลี่ยงการเข้าร่วมการชุมนุม ส่วนนายอิชิบะ ชิเงรุ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น แสดงความกังวลต่อการตัดสินใจใช้กฎอัยการศึกของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงใช้มาตรการที่เป็นไปได้ทุกอย่าง เพื่อให้มั่นใจว่าชาวญี่ปุ่นที่อยู่ในเกาหลีใต้จะปลอดภัย ส่วนเกาหลีเหนือยังไม่มีปฏิกิริยาต่อกรณีความวุ่นวายในเกาหลีใต้

...

สำหรับการประกาศใช้กฎอัยการศึก ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญของเกาหลีใต้ ประธานาธิบดีสามารถประกาศบังคับใช้ได้ หากอยู่ภายใต้สภาวะสงคราม สถานการณ์คล้ายกับสงคราม หรือสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่จะต้องใช้กำลังทหารในการควบคุมการรายงานของสื่อ จำกัดการรวมกลุ่มหรือสิทธิต่างๆ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ทั้งนี้ บุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงแพทย์ฝึกหัด ที่อยู่ในระหว่างการประท้วงหยุดงาน ยังได้รับคำสั่งให้กลับมาปฏิบัติหน้าที่ภายใน 48 ชั่วโมง กรณีนี้สำนักข่าวเอพีของสหรัฐฯ ตั้งข้อสังเกตว่าสถานการณ์เกาหลีใต้ อยู่ในภาวะที่จำเป็นต้องประกาศใช้มาตรการฉุกเฉินนี้หรือไม่ เนื่องจากนายยุน ซอกยอลไม่ได้อ้างถึงหลักฐานที่ชี้ว่าพรรคฝ่ายค้านให้การสนับสนุนเกาหลีเหนือ รวมถึงมีกองกำลังสนับสนุนเกาหลีเหนือ พยายามทำลายเสถียรภาพของเกาหลีใต้ การประกาศของนายยุน ซอกยอล ยังถือเป็นการประกาศกฎอัยการศึกในรอบ 44 ปี หลังมีการบังคับใช้ล่าสุด ในปี 2522 ช่วงที่นายพัค จองฮี อดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้ถูกลอบสังหาร และเกิดการลุกฮือเรียกร้องประชาธิปไตยของประชาชนเกาหลีใต้

ด้านความเคลื่อนไหวของไทย ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองเกาหลีใต้ หลังประธา นาธิบดีเกาหลีใต้ประกาศกฎอัยการศึก แต่ถูกรัฐสภาโหวตคว่ำด้วยมติเอกฉันท์ จนสุดท้ายต้องประกาศยุติการใช้กฎอัยการศึกว่า เกาหลีใต้ทำให้ทั่วโลกเห็นแล้วว่าบทบาทสภาที่เข้มแข็ง สามารถยุติการใช้อำนาจประธานาธิบดีได้ ถือเป็นโอกาสดีที่จะเอามาทบทวนกลไกภายในของไทย ที่มีการรัฐประหารบ่อยครั้ง ภาคประชาชนเกาหลีใต้กระตือรือร้นออกมาปกป้องประชาธิปไตย การรัฐประหารปี 2557 ของไทย ความเข้มแข็งของฝ่ายการเมือง เจ้าหน้าที่รัฐพร้อมใจปฏิบัติและเชื่อฟังคณะรัฐประหารกำหนด เรารู้แล้วว่าการรัฐประหารไม่ใช่สิ่งที่ควรยอมรับ ก่อวิกฤติปัญหาจำนวนมาก หวังว่าเราจะใช้โอกาสนี้ทำให้ไทยมีระบบกฎหมายเข้มแข็ง ทำให้กองทัพอยู่ใต้พลเรือนอย่างแท้จริง

...

ขณะที่ช่วงเที่ยง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทวีตข้อความผ่าน X และโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศเกาหลีใต้ระบุว่า ได้รับรายงานล่าสุดจาก รมว.ต่างประเทศ ถึงสถานการณ์ในสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) หวังว่าสถานการณ์จะคลี่คลายโดยเร็ว ขอให้คนไทยที่อยู่ในเกาหลีใต้ยังคงใช้ความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงพื้นที่ชุมนุม ติดตามข่าวสารของทางการ และสถานทูตไทยอย่างใกล้ชิด

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่