โดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากกลุ่ม BRICS 100% หากพวกเขาพยายามสร้างเงินสกุลใหม่ขึ้นมาเพื่อใช้แทนเงินดอลลาร์

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนต่อไปของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า เขาจะขอให้ประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS หรือกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่มีเศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งนำโดยจีนกับรัสเซีย ให้สัญญาว่า จะไม่สร้างเงินสกุลใหม่ขึ้นมาใช้แทนเงินดอลลาร์ มิเช่นนั้นจะต้องเผชิญกับกำแพงภาษี 100% ตลอดสมัยการปกครองของเขา

“ความคิดที่ว่า ประเทศ BRICS กำลังพยายามที่จะถอยห่างจากเงินดอลลาร์ ในขณะที่เรายืนดูอยู่เฉยๆ นั้น จบลงแล้ว” ทรัมป์ประกาศผ่าน Truth Social โซเชียลมีเดียของเขาเอง เมื่อบ่ายวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น

“เราขอคำมั่นสัญญาจากประเทศเหล่านี้ว่า พวกเขาจะไม่สร้างเงินสกุลใหม่ของ BRICS หรือสนับสนุนสกุลเงินอื่นเพื่อแทนที่เงินดอลลาร์สหรัฐอันแข็งแกร่ง มิเช่นนั้น พวกเขาจะเผชิญกับกำแพงภาษี 100% และควรบอกลาการขายสินค้าเข้าสู่เศรษฐกิจอันยอดเยี่ยมของสหรัฐฯ ได้เลย”

ทั้งนี้ กลุ่มประเทศ BRICS ประกอบด้วย บราซิล, รัสเซีย, อินเดีย, จีน และแอฟริกาใต้ ซึ่งเข้าร่วมในปี 2554 ก่อนที่ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา อิหร่าน, ซาอุดีอาระเบีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, เอธิโอเปีย และอียิปต์ จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการ ซึ่งนับเป็นการขยายขนาดของกลุ่มครั้งแรกในรอบกว่าทศวรรษ นอกจากนั้นยังมีอีก 34 ประเทศที่แสดงความสนใจที่จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกด้วย

เมื่อปี 2566 นายลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ผู้นำบราซิล เสนอเรื่องการสร้างสกุลเงินสำหรับใช้ร่วมกันในอเมริกาใต้ เพื่อลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์

นักวิเคราะห์ระบุว่า การที่กลุ่ม BRICS มีสกุลเงินและเครือข่ายธนาคารของตัวเองนอกระบบที่นำโดยเงินดอลลาร์สหรัฐ อาจทำให้ประเทศอย่างรัสเซีย, จีน และอิหร่าน สามารถหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกได้ อย่างไรก็ตาม พวกเขาเชื่อว่า โอกาสที่จะเกิดสกุลเงินใหม่นั้นมีน้อย เนื่องจากความแตกต่างด้านเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์

...

คำขู่ล่าสุดของนายทรัมป์เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากเขาประกาศจะตั้งกำแพงภาษีก้อนใหญ่ต่อสินค้านำเข้าจากเม็กซิโก, แคนาดา และจีน เริ่มตั้งแต่วันแรกที่เขารับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ หรือ 20 ม.ค. 2568 โดยอ้างว่าเป็นการตอบโต้ที่ประเทศดังกล่าวปล่อยให้มีผู้อพยพผิดกฎหมาย, อาชญากรรม และยาเสพติด ข้ามพรมแดนเข้าสู่สหรัฐฯ

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : cnn