นักโทษประหารชีวิตที่รับโทษนานที่สุดในโลก ได้รับการพิพากษาให้พ้นผิด หลังจากถูกคุมขังกว่า 46 ปี จากความผิดฐานฆาตกรรม โดยศาลญี่ปุ่นมีคำตัดสินว่าหลักฐานทั้งหมดถูกกุขึ้น

นักโทษประหารชีวิตที่รับโทษนานที่สุดในโลกได้รับการพิพากษาให้พ้นผิดเมื่อวันพฤหัสบดี (26 ก.ย.) หลังจากถูกคุมขังมากว่า 46 ปี เนื่องจากถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฆาตกรรม โดยศาลญี่ปุ่นมีคำตัดสินว่าหลักฐานทั้งหมดถูกกุขึ้น

อิวาโอะ ฮากามาดะ อดีตนักมวยวัย 88 ปี ไม่สามารถมาที่ศาลเพื่อรับทราบผลการพิจารณาคดีครั้งนี้ได้ หลังจากผู้สนับสนุนได้รณรงค์กันมาอย่างยาวนาน แต่ฮิเดโกะ พี่สาววัย 91 ปีของเขา กลับโค้งคำนับต่อผู้พิพากษาศาลแขวงชิซูโอกะที่ตัดสินให้ฮากามาดะไม่มีความผิด

ฮากามาดะถูกคุมขังในแดนประหารนาน 46 ปี หลังจากถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฆ่าเจ้านาย ภรรยา และลูก 2 คนของพวกเขาในปี 1968 ฮากามาตะเคยเป็นนักมวยอาชีพและเลิกชกมวย ในปี 1961 และได้งานทำที่โรงงานแปรรูปถั่วเหลืองในเมืองชิซูโอกะ

คำตัดสินระบุว่า เจ้าหน้าที่สอบสวนได้ดัดแปลงเสื้อผ้าโดยให้มีรอยเปื้อนเลือดของเหยื่อ จากนั้นพวกเขาจึงนำไปซ่อนไว้ในถังใส่มิโซะ นอกจากนี้ ยังวิพากษ์วิจารณ์การใช้การสอบสวนที่ไร้มนุษยธรรม ซึ่งหมายถึงการบังคับให้ต้องแถลงเท็จ ที่สร้างความเจ็บปวดทั้งทางจิตใจและร่างกาย ขณะที่บันทึกของอัยการได้มาโดยการละเมิดสิทธิที่จะไม่ให้การของจำเลย ภายใต้สถานการณ์ที่มีแนวโน้มสูงที่จะนำไปสู่การสารภาพเท็จ

ฮิเดโย โอกาวะ ทนายความของนายฮากามาตะ กล่าวว่า นายฮากามาตะถูกควบคุมตัวและถูกซ้อมเพื่อให้รับสารภาพเป็นเวลา 12 ชั่วโมงต่อวันเป็นเวลา 23 วัน โดยไม่มีทนายฝ่ายจำเลยอยู่ด้วย "ระบบตุลาการของญี่ปุ่น โดยเฉพาะในเวลานั้น เป็นระบบที่อนุญาตให้หน่วยงานสืบสวนใช้ประโยชน์จากลักษณะการปกปิดข้อมูลของตน เพื่อก่ออาชญากรรมที่ผิดกฎหมายหรือเพื่อการสืบสวนสอบสวน"

...

ญี่ปุ่นเป็นประเทศประชาธิปไตยและประเทศอุตสาหกรรมใหญ่เพียงประเทศเดียวที่ยังคงใช้โทษประหารชีวิต นอกเหนือไปจากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นนโยบายที่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนอย่างกว้างขวาง

ฮากามาดะเป็นผู้ต้องขังในแดนประหารคนที่ห้า ที่ได้รับการพิจารณาคดีใหม่ในประวัติศาสตร์หลังสงครามของญี่ปุ่น โดยคดีทั้งสี่คดีก่อนหน้านี้ล้วนส่งผลให้ผู้ต้องหาพ้นผิด ทนายความคนสำคัญของฮากามาดะกล่าวว่า บางครั้งฮากามาดะดูเหมือนว่าเขา "ใช้ชีวิตอยู่ในโลกแห่งจินตนาการ" หลังจากถูกคุมขังมาหลายสิบปี ส่วนใหญ่อยู่ในห้องขังเดี่ยว

ฮากามาดะเล่าถึงการต่อสู้ดิ้นรนเพื่อให้พ้นผิดในปี 2018 โดยเขารู้สึกว่าเขาต้อง "ต่อสู้ทุกวัน" เขากล่าวว่า "เมื่อคุณคิดว่าคุณไม่สามารถชนะได้ ก็ไม่มีหนทางใดที่จะไปสู่ชัยชนะได้"

ฮากามาดะดูเหมือนจะไม่ทราบถึงคำตัดสินดังกล่าว หลังจากสื่อญี่ปุ่นรายงานว่าผู้สนับสนุนถอดแบตเตอรี่ออกจากรีโมททีวีของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถรับชมคำตัดสินสดได้ ด้านฮิเดโกะบอกกับนักข่าวว่าก่อนการพิจารณาคดี เธอต้องการบอกข่าวนี้กับเขาในเร็วๆ นี้ แต่ต้องเป็นในช่วงเวลาที่เหมาะสม

ศาลฎีกายืนกรานให้มีการตัดสินประหารชีวิตฮากามาดะในปี 1980 แต่ผู้สนับสนุนของเขาต่อสู้มานานหลายทศวรรษเพื่อให้คดีนี้ถูกเปิดขึ้นใหม่

จุดเปลี่ยนมาถึงในปี 2014 เมื่อมีการพิจารณาคดีใหม่และฮากามาดะได้รับการปล่อยตัวจากคุก อย่างไรก็ตาม การโต้แย้งทางกฎหมาย รวมถึงการคัดค้านของอัยการ ทำให้การพิจารณาคดีใหม่ต้องใช้เวลานานถึงปีที่แล้ว

ฮิเดโกะบอกกับนักข่าวเมื่อเดือนกรกฎาคมว่า "เป็นเวลานานมากที่เราต่อสู้ในสงครามที่ดูเหมือนจะไม่มีวันจบสิ้น" ในตอนแรก ฮากามาดะปฏิเสธว่าไม่ได้ปล้นและฆ่าเหยื่อในปี 1966 แต่หลังจากนั้นเขาก็สารภาพหลังจากที่เขาบรรยายในภายหลังว่าเป็นการสอบสวนของตำรวจอย่างโหดร้ายที่รวมถึงการทุบตีด้วย

ด้านผู้สนับสนุนซึ่งสวมเสื้อยืดที่มีข้อความว่า "ปลดปล่อยฮากามาดะเดี๋ยวนี้" กล่าวนอกศาลว่าคดีนี้เป็น "เครื่องเตือนใจอันเจ็บปวดว่าระบบยุติธรรมทางอาญาของญี่ปุ่นจะต้องเปลี่ยนแปลงอย่างไร"

เจ้าหน้าที่โครงการเอเชียของฮิวแมนไรท์วอตช์ กล่าวก่อนการตัดสินคดีว่า คดีของฮากามาดะเป็น "เพียงหนึ่งในตัวอย่างนับไม่ถ้วนของระบบ 'การบริหารความยุติธรรมในระบอบตัวประกัน' ของญี่ปุ่น" ด้านแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชันแนล กล่าวว่า "รู้สึกดีใจมาก" กับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น หลังจากต้องทนทุกข์กับการจำคุกโดยมิชอบเกือบครึ่งศตวรรษ และรอคอยการพิจารณาคดีใหม่อีก 10 ปี คำตัดสินนี้ถือเป็นการยอมรับอย่างสำคัญต่อความอยุติธรรมอย่างร้ายแรงที่เขาต้องทนทุกข์มาตลอดชีวิต".

ที่มา AFP

อ่านข่าวเพิ่มเติม https://www.thairath.co.th/news/foreign