เขื่อนทางตะวันออกของซูดานแตก หลังเผชิญฝนตกหนักหลายวัน ทำให้มวลน้ำทะลักเข้าท่วมหมู่บ้านหลายสิบแห่ง มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 30 ศพ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานในวันจันทร์ที่ 26 ส.ค. 2567 ว่า เขื่อนในรัฐเรดซี ทางตะวันออกของประเทศซูดาน แตก ทำให้มวลน้ำทะลักเข้าท่วมหมู่บ้านอย่างน้อย 20 แห่ง ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 30 ศพ และมีผู้สูญหายจำนวนมาก ซ้ำเตือนประชาชนซึ่งกำลังเผชิญความยากลำบากอยู่แล้ว จากภาวะสงครามกลางเมืองภายในประเทศ

ตามรายงานของสำนักข่าว รอยเตอร์ส เขื่อนอาร์บัต (Arbaat) ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงพอร์ต ซูดาน เมืองหลวงโดยพฤตินัยในช่วงสงครามของซูดาน ไปทางเหนือเพียง 40 กม. เผชิญฝนตกหนักมาหลายวันจนรับน้ำไม่ไว้มาตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์แล้ว ก่อนที่เขื่อนจะแตก

ขณะที่นายโอมาร์ เอสซา ฮารูน ผู้อำนวยการสำนักงานจัดการน้ำของรัฐเรดซี ระบุผ่านข้อมูลบนแอปพลิเคชัน “WhatsApp” ว่า เหตุน้ำท่วมทำให้พื้นที่ประสบเหตุเสียหายจนจำสภาพเดิมไม่ได้ ระบบไฟฟ้าและท่อส่งน้ำประปาถูกทำลาย

ด้านเจ้าหน้าที่ที่เข้าถึงจุดเกิดเหตุเป็นกลุ่มแรกๆ เปิดเผยว่า น้ำท่วมทำให้มีผู้สูญหายประมาณ 150 ถึง 200 คน โดยเขาเห็นศพคนงานเหมืองทองหลายคน รวมถึงอุปกรณ์ของพวกเขา ถูกพัดมากับกระแสน้ำท่วมด้วย

สำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ (OCHA) เผยในวันจันทร์ว่า มีที่อยู่อาศัยของประชาชนกว่า 50,000 คน ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมครั้งนี้ โดยย้ำว่า ตัวเลขดังกล่าวนับเฉพาะพื้นที่ฝั่งตะวันตกของเขื่อนเท่านั้น ในขณะที่พื้นที่ฝั่งตะวันออกยังไม่สามารถเข้าถึงได้

OCHA เผยอีกว่า เขื่อนอาร์บัตเห็นแหล่งน้ำจืดสำคัญของเมืองพอร์ต ซูดาน ซึ่งเป็นที่ตั้งของหน่วยงานรัฐบาลต่างๆ, สถานทูต, องค์กรช่วยเหลือ รวมทั้งสนามบินกับท่าเรือทะเลแดง และมีผู้พลัดถิ่นหลายแสนคนอาศัยอยู่ที่นี่

...

ทั้งนี้ เขื่อน, ถนน และสะพานต่างๆ ของซูดาน อยู่ในสภาพไม่ได้รับการซ่อมบำรุงมานานแล้ว ตั้งแต่ก่อนสงครามระหว่างกองทัพซูดานกับกองกำลังกึ่งทหารเคลื่อนที่เร็ว จะเริ่มทำสงครามกลางเมืองกันในเดือนเมษายน 2566 โดยทั้งสองฝ่ายต่างทุ่มเททรัพยากรในการทำศึก จนโครงสร้างพื้นฐานถูกละเลยอย่างหนัก

รัฐบาลซูดานเปิดเผยในวันจันทร์ว่า จำนวนผู้เสียชีวิตในฤดูฝนของประเทศปีนี้ เพิ่มขึ้นจาก 68 ศพในสัปดาห์ก่อน เป็น 132 ศพแล้ว โดยสาเหตุหลังมาจากน้ำท่วมที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ ขณะที่สหประชาชาติ เผยว่า ในปีนี้มีชาวซูดานต้องอพยพพลัดถิ่นเพราะฝนที่ตกลงมาอย่างหนักแล้วอย่างน้อย 118,000 คน

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : reuters