หญิงอเมริกันผู้ถูกพบในป่าอินเดีย ในสภาพผอมโซถูกล่ามกับต้นไม้ กลับคำให้การ อ้างว่าเธอเป็นคนล่ามตัวเอง ไม่ใช่ฝีมือสามีตามที่บอกตำรวจในตอนแรก แถมระบุว่าเธอไม่เคยแต่งงานด้วย

สำนักข่าว บีบีซี รายงานเมื่อ 6 ส.ค. 2567 ว่า นางลาลิตา คายี (Lalita Kayi) หญิงชาวอเมริกัน วัย 50 ปี ผู้ถูกพบในสภาพผอมโซและถูกล่ามโซ่ในป่าหนาทึบในเขตสินธุดูร์กะ (Sindhudurg) ของรัฐมหาราษฏระ ทางตะวันตกของอินเดีย และได้รับความช่วยเหลือเมื่อราว 10 วันก่อน กลับคำให้การ โดยบอกกับตำรวจว่า เธอเป็นคนล่ามตัวเธอเองไม่ใช่สามี

ก่อนหน้านี้ นางคายีถูกพบโดยคนเลี้ยงวัวที่พาวัวไปกินหญ้าในบริเวณนั้น หลังจากได้ยินเสียงกรีดร้องของเธอ เขาจึงแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเธอได้สำเร็จ จนกลายเป็นข่าวที่สร้างความตกตะลึงไปทั่วอินเดีย

นางคายีซึ่งตอนนั้นยังไม่สามารถพูดได้ เขียนบอกตำรวจว่า เธอแต่งงานกับชายคนหนึ่งในรัฐทมิฬนาฑู และกล่าวโทษเขาว่าเป็นผู้ล่ามเธอเอาไว้กับต้นไม้ เธออ้างด้วยว่า ไม่ได้กินอาหารและน้ำมานานร่วม 40 วันแล้ว อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากไม่น่ามีมนุษย์คนใดขาดน้ำและอาหารได้นานขนาดนั้น

นางคายีต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเนื่องจากขาดสารอาหารอย่างรุนแรง โดยตอนนี้เธออาการดีขึ้นแล้วและกำลังรักษาตัวในสถาบันจิตเวช ขณะที่ตำรวจสนธิกำลังหลายทีมเพื่อสืบสวนหาความจริงว่า เธอเข้าไปอยู่ในป่าได้อย่างไร

นายซอราบห์ อาการ์วาล (Saurabh Agarwal) ผู้กำกับการตำรวจเขตสินธุดูร์กะ บอกกับสำนักข่าว บีบีซี ในวันอังคารว่า นางคายีกลับคำให้การ โดยตอนนี้เธอบอกว่า เธอยังไม่ได้แต่งงาน และเธออาจเกิดอาการประสาทหลอนในตอนให้การครั้งแรก โดยเธอกำลังลำบากเพราะวีซ่าของเธอหมดอายุ เงินก็ใกล้จะหมด เธอจึงซื้อแม่กุญแจกับโซ่ แล้วล่ามตัวเองกับต้นไม้

...

ด้าน ดร.สังฆามีตรา ภูเล (Sanghamitra Phule) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชที่นางคายีรักษาตัวอยู่ บอกกับ บีบีซี ว่า อาการของเธอกำลังดีขึ้น “เธอทานอาหารได้ เดินได้ และออกกำลังกายได้ เธอกำลังรับการรักษา และเราก็กำลังให้สารอาหารบางอย่างที่เธอขาดไป”

ดร.ภูเล ระบุว่า เจ้าหน้าที่ตามรอยครอบครัวของหญิงรายนี้ที่อยู่ในสหรัฐฯ จนพบแล้ว และนางคายีก็กำลังติดต่อกับพวกเขาผ่านทางโทรศัพท์

ทั้งนี้ ในตอนที่เข้าให้ความช่วยเหลือ ตำรวจพบสำเนาหนังสือเดินทางของนางคายี ซึ่งระบุว่าเธอเป็นพลเมืองอเมริกัน มาจากรัฐแมสซาชูเซตส์ และมีเอกสารบางชิ้นที่มีที่อยู่ของเธอในรัฐทมิฬนาฑู เจ้าหน้าที่ยังพบโทรศัพท์มือถือ และเงินสดอีก 31,000 รูปี (ราว 13,000 บาท) ด้วย

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : bbc

Cr ภาพ : bbc