เจ้าหน้าที่อิหร่าน 3 คน เผยว่า ผู้นำสูงสุดของประเทศ ออกคำสั่งให้โจมตีอิสราเอลโดยตรงแล้ว เพื่อล้างแค้นกรณีการสังหารนายอิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำฮามาสบนแผ่นดินอิหร่าน

สำนักข่าวนิวยอร์ก ไทมส์ รายงานอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่อิหร่าน 3 คน ว่า อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ออกคำสั่งให้โจมตีอิสราเอลโดยตรงแล้ว เพื่อล้างแค้นการสังหารนายอิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำฝ่ายการเมืองของกลุ่มฮามาส ขณะที่เขาอยู่ในกรุงเตหะรานของอิหร่าน

เจ้าหน้าที่อิหร่านทั้ง 3 คน ซึ่ง 2 คนในนี้เป็นสมาชิกกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม ระบุว่า นายคาเมเนอีออกคำสั่งดังกล่าวในการประชุมฉุกเฉินของสภาความมั่นคงสูงสุดแห่งอิหร่าน เมื่อช่วงเช้าวันพุธที่ 31 ก.ค. 2567 ไม่นานหลังจากอิหร่านเปิดเผยว่า นายฮานิเยห์ถูกสังหารแล้ว

จนถึงตอนนี้ อิสราเอลยังไม่ยอมรับหรือปฏิเสธความเกี่ยวข้องของพวกเขากับการสังหารนายฮานิเยห์ แต่อิหร่านกับกลุ่มฮามาสต่างกล่าวหาอิสราเอลว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารนายฮานิเยห์ ซึ่งเดินทางมาอิหร่านเพื่อร่วมพิธีสาบานตนรับตำแหน่งของประธานาธิบดีคนใหม่

ตลอดช่วงเกือบ 10 เดือนของสงครามในฉนวนกาซา อิหร่านพยายามสร้างแรงกดดันต่ออิสราเอล ด้วยการให้กองกำลังพันธมิตรหรือกลุ่มติดอาวุธตัวแทนของพวกเขา เพิ่มการโจมตีต่ออิสราเอล เพื่อให้รัฐบาลยิวยุติสงครามในกาซา แต่ก็พยายามรักษาสมดุลไม่ให้เกิดสงครามเต็มรูปแบบระหว่างทั้ง 2 ประเทศ

เมื่อเดือนเมษายน อิหร่านโจมตีอิสราเอลครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปี โดยใช้มิสไซล์กับโดรนหลายร้อยลำ เพื่อเอาคืนที่อิสราเอลโจมตีสถานทูตของพวกเขาในกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย จนทำให้ผู้บัญชาการกองทัพอิหร่านเสียชีวิตไปหลายนาย อย่างไรก็ตาม อาวุธดังกล่าวถูกอิสราเอลกับพันธมิตรยิงตกเกือบหมด และสร้างความเสียหายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

...

ตอนนี้ยังไม่แน่ชัดว่าอิหร่านจะตอบโต้อิสราเอลอย่างไร และพวกเขาจะโจมตีอย่างจำกัดเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้สถานการณ์บานปลายอีกหรือไม่ โดยหนึ่งในตัวเลือกที่กำลังมีการพิจารณากันคือ การร่วมมือโจมตีจากอิหร่านและกองกำลังพันธมิตรในประเทศอื่นๆ อย่าง เยเมน, ซีเรีย และอิรัก

แต่ไม่ว่าอิหร่านจะตอบโต้อย่างไร มันจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากนายคาเมเนอีออกมาพูดแล้วว่า “เรามองว่าการล้างแค้นหนี้เลือดของเขา (ฮานิเยห์) เป็นหน้าที่ของเรา” เพราะมันเกิดขึ้นบนแผ่นดินอิหร่าน และเสริมว่า “อิสราเอลได้จัดเวทีสำหรับรับการลงโทษอย่างรุนแรงเอาไว้แล้ว”

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : nytimes