• อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เลือก นายเจมส์ เดวิด แวนซ์ วุฒิสมาชิกหนุ่มจากรัฐโอไฮโอ ให้เป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันลงสมัครคู่กับเขา เพื่อชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ แล้ว
  • นาย เจ.ดี. แวนซ์ วัย 39 ปี เคยร่วมรณรงค์หาเสียงสนับสนุนทรัมป์ในหลายโอกาสในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ โดยการเลือกแวนซ์ ซึ่งถือเป็นคนยุคใหม่มาชิงตำแหน่งคู่กัน มีขึ้นท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสองผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่เป็นผู้สูงวัยทั้งคู่
  • การเลือกคู่ชิงรองประธานาธิบดีในครั้งนี้ของทรัมป์มีขึ้น หลังเพิ่งเกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐฯ เมื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ ถูกลอบยิงเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ยังเคราะห์ดีที่เขารอดชีวิตมาได้

ที่ประชุมพรรครีพับลิกันในวันแรกได้เสนอชื่อให้ทรัมป์เป็นตัวแทนพรรค ลงสู้ศึกเลือกตั้งชิงทำเนียบขาว กับประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ อย่างเป็นทางการแล้ว และทรัมป์จะตอบรับการเสนอชื่ออย่างเป็นทางการในวันที่ 18 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการประชุม

ซึ่งทรัมป์ได้ใช้โอกาสนี้ในการเลือก เจ.ดี. แวนซ์ วุฒิสมาชิกจากรัฐโอไฮโอ มาเป็นสมัครคู่กับเขาชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี ซึ่งนับว่าการตัดสินใจครั้งนี้ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี เห็นได้จากที่ประชุมต่างปรบมือโห่ร้องกึกก้อง ทันทีที่แวนซ์เดินทางมาถึงที่ประชุม

แวนซ์ วัย 39 ปี เคยร่วมรณรงค์หาเสียงสนับสนุนทรัมป์ในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ แม้ว่าเขาจะเคยวิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์เมื่อ 8 ปีก่อน ซึ่งการที่ทรัมป์เลือกแวนซ์มาเป็นคู่ชิงรองประธานาธิบดี น่าจะช่วยชูภาพนักการเมืองรุ่นใหม่ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสองผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่เป็นผู้สูงวัยทั้งคู่ ซึ่งเราจะพาไปทำความรู้จักกับเขาให้มากขึ้น

...

เริ่มเป็นที่รู้จักจาก "บันทึกหลังเขา"

นาย เจ.ดี. แวนซ์ เริ่มสร้างชื่อให้แก่ตัวเองจากบันทึกความทรงจำของเขา "บันทึกหลังเขา" หรือ HILLBILLY ELEGY ซึ่งเป็นหนังสือติดอันดับขายดีเมื่อปี ค.ศ. 2016 ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ทรัมป์ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในสมัยแรก โดยหนังสือดังกล่าวบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของ เจ.ดี. วัยเด็ก ซึ่งเติบโตมาจากครอบครัวจนๆ ในรัฐโอไฮโอ และพยายามผลักดันให้ตนเองไปสู่สิ่งที่ดีกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการสมัครเป็นทหารไปรบในอิรัก เพื่อดิ้นรนเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยเยล ก่อนจะก้าวหาอาชีพในซิลิคอน วัลเลย์

โดยนายแวนซ์เคยเปิดใจกับสำนักข่าวเอพี เมื่อปี 2016 ระบุว่า เขารู้สึกสับสนมากกับคำถามที่ว่าทำไมไม่มีเด็กแบบเขามากกว่านี้ในมหาวิทยาลัยเยล และทำไมในสหรัฐอเมริกาถึงไม่มีการขับเคลื่อน หรือผลักดันเด็กเหล่านี้ให้มากกว่านี้ ซึ่งจนถึงขณะนี้ หนังสือเล่มนี้มียอดจำหน่ายจนถึงปัจจุบันมากถึง 1.6 ล้านเล่ม จนกระทั่งถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ในชื่อเดียวกัน และยังทำให้ เกล็น โคลส ได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ในสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมอีกด้วย

นอกจากหนังสือเล่มนี้จะทำให้แวนซ์มีชื่อเสียงมากขึ้นแล้ว ยังเป็นการเปิดทางให้ครบอครัวทรัมป์รู้จักแวนซ์มากขึ้นด้วย โดย โดนัลด์ ทรัมป์ เจอาร์ ชอบหนังสือเรื่องนี้มาก และรู้จักแวนซ์ทันทีเมื่อเขาก้าวเข้าสู่แวดวงการเมือง และกลายมาเป็นเพื่อนกัน

แวนซ์ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกวุฒิสภาในปี 2022 และได้กลายเป็นหนึ่งในทีมงานที่แข็งขันที่สุดในการรณรงค์วาทกรรม "Make America Great Again" ของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการค้า นโยบายต่างประเทศ และการย้ายถิ่นฐาน

ภาพลักษณ์คนรุ่นใหม่ และเคมีที่ตรงกัน

แวนซ์มีภาพลักษณ์ของคนรุ่นใหม่ และความเป็นชนชั้นกลางถึงล่าง ที่เข้าใจปัญหาต่างๆ เป็นอย่างดี ซึ่งการรณรงค์หาเสียงของทรัมป์ จะใช้จุดนี้ของแวนซ์ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มคนอเมริกันชนชั้นแรงงาน โดยเฉพาะในรัฐสมรภูมิหลายแห่ง และยังนับเป็นการสร้างเสริมจุดแข็งของทรัมป์ วัย 78 ปี ที่เป็นผู้สูงอายุแล้ว ขณะที่ นายไบเดน วัย 81 ปี มี นางคามาลา แฮร์ริส วัย 59 ปี มาเสริมทัพ

แทมมี นิโคลส์ วุฒิสมาชิกรัฐไอดาโฮ เชื่อว่า แวนซ์จะนับเป็นสิ่งมีค่าสำหรับการรณรงค์หาเสียงครั้งนี้ โดยเธอระบุว่า "แวนซ์มีพลังล้นเหลือ เขายังหนุ่ม และเคยอยู่ในกองทัพ เขามีอะไรหลายอย่างที่ได้ทำเพื่อรัฐของเขา และดิฉันเชื่อว่าเขาจะเป็นตัวดึงคะแนนเสียงที่จำเป็นมาให้แก่ทรัมป์ได้อีกมาก"

...

ขณะเดียวกัน แวนซ์ก็ยังมีข้อได้เปรียบอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะเคมีระหว่างทรัมป์ และเขา เนื่องจากความสัมพันธ์ส่วนบุคคลมีส่วนสำคัญอย่างมากต่ออดีตประธานาธิบดี และที่ผ่านมา ทรัมป์ และแวนซ์ก็พัฒนาความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งมาด้วยกัน มีการพูดคุยกันผ่านโทรศัพท์บ่อยครั้ง โดยทรัมป์ยังเคยกล่าวชมแวนซ์ว่า เมื่อได้เห็นแวนซ์แล้ว ทำให้เขานึกถึง อับราฮัม ลินคอล์น ในวัยหนุ่มเลยทีเดียว

จากผู้เห็นต่างกลายมาเป็นผู้ภักดี

แวนซ์เคยมีจุดยืนไม่เอาทรัมป์มาก่อนในช่วงปี 2016 โดยเคยระบุว่า ทรัมป์ เป็นบุคคลอันตราย และไม่เหมาะที่จะลงชิงตำแหน่ง แถมยังเคยขนานนามมหาเศรษฐีอย่างทรัมป์ว่า เป็นพวกโง่ เลวทราม ต่ำช้า และกลัวว่าทรัมป์อาจจะกลายเป็นฮิตเลอร์ เวอร์ชันอเมริกัน

แต่หลังจากที่แวนซ์ได้เจอกับทรัมป์ในปี 2021 เขาก็มีความคิดที่เปลี่ยนไป โดยเคยยกย่องว่าทรัมป์เหมาะสมที่จะเป็นประธานาธิบดี และทั้งคู่ก็เหมือนจะมองข้ามคำวิพากษ์วิจารณ์อันเวลาร้ายของแวนซ์ไป โดยหลังจากที่เขาได้รับเลือกเป็นวุฒิสมาชิก เขาก็กลายเป็นพันธมิตรคนสำคัญที่คอยปกป้องนโยบายต่างๆ ของทรัมป์ และยังเป็นกระบอกเสียงคอยแก้ต่างให้แก่ทรัมป์อย่างแข็งขันมาตลอด

...

และในวันนี้ หลังจากที่เขาได้รับการเสนอชื่อเป็นคู่ชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีร่วมกับทรัมป์ เขาก็ได้กล่าวยกย่องทรัมป์ว่า เศรษฐกิจของอเมริการุ่งโรจน์ ชายแดนก็อยู่ภายใต้การควบคุม เมืองทุกเมืองปลอดภัย และยังได้รับความเคารพจากต่างชาติ ในฐานะที่ได้เป็นรองประธานาธิบดีของทรัมป์ เขาจะรับใช้ทรัมป์อย่างซื่อสัตย์ จะคอยอยู่เคียงข้าง และจะร่วมทำให้ประเทศของเรายิ่งใหญ่อีกครั้ง.

ผู้เขียน : อาจุมมาโอปอล

ที่มา : channelnewsasia , AP

คลิกอ่านข่าว รายงานพิเศษ