ดับฝัน ‘เลอเปน’ พรรคขวาจัดอีกครั้ง พ่ายเลือกตั้งรอบ 2 ในฝรั่งเศสอย่างพลิกล็อกมโหฬาร กลายเป็นฝ่ายปราชัยให้กับพรรคพันธมิตรฝ่ายซ้าย NPF ที่คว้าชัยเลือกตั้ง ได้ สส.เข้าไปนั่งในสภามากที่สุด ตามด้วยพรรคพันธมิตรสายกลางของ ปธน.มาครง
ผลการเลือกตั้งทั่วไปรอบสองในฝรั่งเศส เมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 ก.ค. 2567 ออกมาว่า พรรคเนชั่นแนล แรลลี่ ของนางเลอเปน ได้ที่นั่ง สส.ในสภาร่วงไปอยู่อันดับสาม ตามหลังพรรคพันธมิตรฝ่ายซ้าย ‘New Popular Front’ (NPF) ที่คว้าชัยอันดับหนึ่งในการเลือกตั้งรอบสอง ส่วนพรรคพันธมิตรสายกลาง ‘Ensemble’ ของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ตามมาเป็นที่สอง หลังจากในการเลือกตั้งรอบแรก พรรคเนชั่นแนล แรลลี่ ของนางเลอเปน ชนะเลือกตั้งทั่วไปเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศส เขี่ยพรรคพันธมิตรของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ร่วงไปอยู่อันดับสาม
นสพ. Le Monde รายงานผลการนับคะแนนเลือกตั้งจากข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยฝรั่งเศส ออกมาว่า พรรคพันธมิตรฝ่ายซ้าย NPF ได้ สส.182 ที่นั่ง ตามด้วยพรรคพันธมิตรสายกลางของมาครง ได้ 168 ที่นั่ง และพรรคเนชั่นแนล แรลลี่นำโดยนางเลอเปนและพรรคพันธมิตร ได้ที่นั่งรวมแล้ว 143 ที่นั่ง
...
ขณะที่รอยเตอร์ชี้ ระบุว่า พรรคพันธมิตรฝ่ายซ้ายที่ชนะเลือกตั้งรอบสองนั้น ประกอบด้วย 4 พรรคการเมือง ได้แก่ พรรคคอมมิวนิสต์ฝรั่งเศส และพรรค France Unbowed. ซึ่งเป็นพรรคซ้ายจัด, พรรค Greens และพรรคสังคมนิยม โดยแกนนำพรรคพันธมิตร NPF ได้ร่วมประชุมหารือกันครั้งแรกเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ถึงกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลผสม เนื่องจากไม่มีพรรคใดชนะเลือกตั้งทั่วไปในรอบสองอย่างเด็ดขาด สามารถครองเสียงข้างมากในสภา ซึ่งจำเป็นต้องได้ที่นั่ง สส.ในสภา 289 ที่นั่ง
ด้านบรรดานักวิเคราะห์การเมืองต่างชี้ว่า การที่ไม่มีพรรคใดได้เสียงข้างมากในสภา จะส่งผลให้ประเทศฝรั่งเศสต้องเผชิญกับความวุ่นวายทางการเมืองและเศรษฐกิจตามมาอย่างแน่นอน
รอยเตอร์ยังรายงานวา นายกาเบรียล อัตทาล นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ประกาศจะยื่นใบลาออกในวันจันทร์ที่ 8 ก.ค.และจะรักษาในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปตราบเท่าที่จำเป็น
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีมาครงได้ประกาศยุบสภา เมื่อ 10 มิถุนายน ที่ผ่านมา หลังจากพ่ายแพ้การเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภายุโรป ให้กับพรรคการเมืองขวาจัด โดยมาครงได้กำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปรอบแรก ในวันที่ 30 มิถุนายน 2567 และปรากฏว่า พรรคขวาจัดนำโดยนางเลอเปน ได้สส. มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง ตามด้วยพรรคพันธมิตรฝ่ายซ้าย และอันดับสาม คือพรรคพันธมิตรสายกลางของมาครง แต่ไม่มีพรรคใดได้ที่นั่งใสสภาเกิน 50% จึงต้องมีการเลือกตั้งรอบสองในวันที่ 7 ก.ค.2567