พรรคฝ่ายขวาของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นตัวเก็งชนะการเลือกตั้ง ตอนนี้กลับมีคะแนนตามหลังเป็นอันดับที่ 3 ขณะที่กลุ่มพันธมิตรฝ่ายซ้ายนำเป็นอันดับ 1
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า การเลือกตั้งรอบ 2 ของฝรั่งเศสเสร็จสิ้นลงไปแล้วในวันอาทิตย์ที่ 7 ก.ค. 2567 แต่ผลการนับคะแนนเบื้องต้นกลับชี้ว่า พรรค ‘เนชันแนล แรลลี’ (National Rally-RN) ฝ่ายขวาจัด ซึ่งชนะในการเลือกตั้งรอบแรก และโพลทุกสำนักยกให้เป็นตัวเก็งคว้าชัยชนะในครั้งนี้ด้วย กลับถูกผลักลงไปอยู่อันดับที่ 3
ฝ่ายที่คะแนนนำอยู่คือ กลุ่มพันธมิตรฝ่ายซ้าย ‘นิว ป๊อปปูลาร์ ฟรอนต์’ (New Popular Front-NFP) และกำลังเดินหน้าไปสู่ชัยชนะ แต่ไม่มีพรรคการเมืองใดคว้าเสียงข้างมากไปครองได้ หมายความว่ารัฐสภาชุดต่อไปของฝรั่งเศสจะอยู่ในสภาพ ‘สภาแขวน’ รัฐบาลมีเสียงข้างน้อยในสภา ซึ่งมักทำให้เกิดความไม่แน่นอนทางการเมืองมากขึ้น
นายจอร์แดน บาร์เดลลา หัวหน้าพรรค RN กล่าวโทษการจับกลุ่มพันธมิตรทางการเมืองอย่างไม่เป็นธรรมชาติ เป็นสิ่งที่หยุดยิงไม่ให้พรรคของเขาผงาดขึ้นสู่อำนาจ
ด้านนาย แกเบรียล อัตตาล นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ซึ่งเพิ่งได้รับการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง เมื่อ 7 เดือนก่อน กล่าวว่า เขาจะยื่นหนังสือลาออก แม้เขาจะชี้ว่า กลุ่ม ‘เอนเซมเบิล’ (Ensemble) พันธมิตรการเมืองของนายมาครง จะตามอยู่ที่อันดับ 2 และมีแนวโน้มจะคว้าเก้าอี้ในสภาได้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรกถึง 3 เท่าก็ตาม
สาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะไม่พอใจที่ แคนดิเดต 217 คน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากกลุ่ม NFP และกลุ่มสายกลางของนายมาครง ถูกตัดชื่อออกจากการเลือกตั้งรอบ 2 เพื่อช่วยให้คู่แข่งทางการเมืองของพวกเขา โค่นพรรค RN ส่งผลให้ผู้โหวตที่เลือกฝ่ายสายกลางและฝ่ายซ้ายในการเลือกตั้งรอบแรก ต้องไปเลือกพรรคคู่แข่งในรอบ 2 เพื่อขัดขวางไม่ให้ฝ่ายขวาจัดครองรัฐสภา
...
วิธีดังกล่าวทำให้หลายคนไม่พอใจ โดยนายบาร์เดลลาประณามนี่เป็นการจับกลุ่มพันธมิตรอันน่าอัปยศ ที่พรากสิทธิ์ในการตอนสนองวิกฤติค่าครองชีพในฝรั่งเศสไปจากผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง
ทั้งนี้ ชนะของกลุ่ม NFP จะทำให้ฝรั่งเศสมุ่งหน้าสู่การมีรัฐสภาแขวน และเข้าสู่ดินแดนที่พวกเขาไม่เคยรู้จักมาก่อน เนื่องจากพรรคที่ได้เก้าอี้ในสภามากที่สุดในกลุ่มพันธมิตร คือพรรค ‘ลา ฟร็อง แซ็งซูมีซ’ (La France Insoumise-LFI) ของนาย ฌอง-ลุค เมลองชอง ซึ่งหลายคนมองว่ามีแนวคิดซ้ายจัดมากกว่าเป็นฝ่ายซ้าย
การคาดการณ์ของสถานีโทรทัศน์ TF1 TV ชี้ว่า พรรค LFI จะได้เก้าอี้ในสภาสูงสุด 94 ที่นั่ง มากที่สุดในหมู่พรรคร่วมกลุ่ม NFP ซึ่งนายเมลองชองก็ไม่ปล่อยให้โมเมนตัมหลุดลอย เขาบอกกับผู้สนับสนุนทันทีว่า “ความพ่ายแพ้ของประธานาธิบดีนั้นชัดเจนแล้ว ประธานาธิบดีต้องยอมรับความพ่ายแพ้ นายกรัฐมนตรีต้องไป”
หลังจากนั้นราว 1 ชั่วโมง นายอัตตาล ซึ่งยังคงมีคะแนนนิยมสูง สวนทางกับนายมาครง ก็ออกมาประกาศว่าเขาจะลาออกในเช้าวันจันทร์ แต่ขึ้นอยู่กับประธานาธิบดีว่าจะยอมรับการลาออกของเขาหรือไม่ เนื่องจากฝรั่งเศสต้องการรัฐบาลที่มั่นคงระหว่างการเป็นเจ้าภาพ จัดการแข่งขันมหกรรมกีฬาระดับโลก โอลิมปิก 2024 ที่กรุงปารีส ตั้งแต่วันที่ 26 ก.ค.นี้
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : bbc