อิสราเอลเดินหน้าถล่มภาคใต้ของฉนวนกาซาต่อ หลังสั่งอพยพประชาชนรอบข่านยูนิสและราฟาห์ เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิตแล้ว 8 ศพ บาดเจ็บอีกกว่า 30 ราย
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) ดำเนินการโจมตีทางอากาศรอบใหม่ในภาคใต้ของฉนวนกาซา เมื่อวันที่ 2 ก.ค. 2567 หลังจากเมื่อเย็นวันจันทร์พวกเขาสั่งอพยพชาวปาเลสไตน์ออกจากพื้นที่ทางตะวันออกของเมืองข่านยูนิสและราฟาห์เกือบทั้งหมด รวมถึงเมืองอัล-คารารา และเมืองบานี ซูไฮลา
คำสั่งอพยพรอบใหม่ เกิดขึ้นหลังจากพื้นที่ทางใต้ของอิสราเอลถูกจรวดกว่า 20 ลูกโจมตี โดยกลุ่มติดอาวุธอิสลามิก ญิฮาด ซึ่งต่อสู้เคียงข้างกลุ่มฮามาส ออกมาอ้างตัวว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ทำให้กองทัพอิสราเอลโจมตีสวนกลับไปในพื้นที่ที่พวกเขาอ้างว่าจรวดถูกยิงออกมา ตลอดช่วงข้ามคืนวันจันทร์จนถึงเช้าวันอังคาร
ผู้เห็นเหตุการณ์บอกกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า อิสราเอลทิ้งระเบิดและยิงปืนใหญ่โจมตีอย่างหนักรอบเมืองข่านยูนิส เมืองใหญ่สุดในภาคใต้ของกาซา ซึ่งอิสราเอลถอนทหารออกไปเมื่อช่วงต้นเดือนเมษายน หลังจากมีปฏิบัติการทางทหารนานหลายเดือน และสร้างความเสียหายมหาศาล
เจ้าหน้าที่การแพทย์ของปาเลสไตน์ในข่านยูนิสระบุว่า การโจมตีของอิสราเอลทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 8 ศพ บาดเจ็บอีกมากกว่า 30 ราย
ด้านองค์การสหประชาชาติระบุว่า คำสั่งอพยพของกองทัพอิสราเอลส่งผลกระทบต่อชาวปาเลสไตน์ในภาคใต้ของกาซามากถึง 250,000 คนแล้ว โดยคนจำนวนมากออกเดินทางจากพื้นที่ภายในและโดยรอบเมืองข่านยูนิสด้วยรถยนต์ หรือต้องเดินเท้า
หนึ่งในผู้ที่ต้องอพยพเพราะกลัวอิสราเอลจะหวนกลับมาปฏิบัติการภาคพื้นดินอีกครั้ง คือเหล่าคนไข้และเจ้าหน้าที่การแพทย์ของโรงพยาบาลยูโรเปียน กาซา ในเมืองข่านยูนิส ที่ตอนนี้แทบจะร้างผู้คนแล้ว โดยกองทัพอิสราเอลระบุว่า พวกเขาไม่ได้ออกคำสั่งอพยพโรงพยาบาลแห่งนี้
...
ดร.อับดุลเลาะห์ ฮัมดัน หัวหน้าแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลแห่งนี้ เผยว่า กระทรวงสาธารณสุขของกาซา ซึ่งบริหารโดยกลุ่มฮามาส เป็นผู้ที่แนะนำให้พวกเขาอพยพทั้งคนไข้และอุปกรณ์ โดยพวกเขาพาคนไข้จำนวนหนึ่งจากทั้งหมด 230 คน ไปยังโรงพยาบาลอีกแห่งทางตะวันตกของข่านยูนิส
ต่อมาคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) รายงานว่า เจ้าหน้าที่หลายคนต้องอพยพจากโรงพยาบาลยูโรเปียน เพราะโรงพยาบาลไม่สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งพวกเขาขนย้ายทีมแพทย์และคนไข้ไปยังโรงพยาบาลสนามใกล้เมืองราฟาห์ และจะกลับมายังโรงพยาบาลยูโรเปียนเมื่อสถานการณ์เอื้ออำนวย
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign