- "แคเธอรีน เจ้าหญิงแห่งเวลส์" หรือเจ้าหญิงเคท พร้อมด้วยเจ้าชายวิลเลียม เจ้าชายแห่งเวลส์ เจ้าชายจอร์จ เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ และเจ้าชายลูอีส์ โอรส-ธิดาทั้งสามพระองค์ เสด็จไปยังพระราชวังบักกิงแฮมในกรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2567 เพื่อร่วมในงาน "Trooping the Colour" พิธีสวนสนามและการแสดงบินผาดแผลงของกองทัพสหราชอาณาจักร เพื่อฉลองวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3
- สื่อแท็บลอยด์ในอังกฤษทุกฉบับพาดหัวข่าว เจ้าหญิงเคท "กลับมาแล้ว" ด้านบรรดานักวิเคราะห์มองว่า การกลับมาของเจ้าหญิงเคท ทำให้ราชวงศ์แข็งแกร่งขึ้น และสร้างความปลื้มปีติ เป็นขวัญกำลังใจให้แก่เหล่าพสกนิกร หลังจากต้องเผชิญกระแสข่าวลือรุนแรงตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
เจ้าหญิงเคท พระชนมายุ 42 พรรษา ปรากฏพระองค์ในฉลองพระองค์สีขาวสวยหรู พระพักตร์แจ่มใส แม้ดูผอมซูบลงมาก ขณะเสด็จพระดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งเคียงคู่เจ้าชายวิลเลียม มกุฎราชกุมาร เจ้าชายจอร์จ เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ และเจ้าชายลูอีส์ เพื่อร่วมพิธีสวนสนาม "Trooping the Colour" ฉลองวันเฉลิมพระชนมพรรษากษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 ในกรุงลอนดอน เมื่อวันเสาร์ที่ 15 มิ.ย. 2567 พร้อมกับสมาชิกราชวงศ์พระองค์อื่นๆ นับเป็นการปรากฏพระองค์ต่อสาธารณะครั้งแรกหลังเปิดเผยว่าทรงเริ่มรักษาโรคมะเร็งเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
จากนั้นเหล่าเชื้อพระวงศ์นำโดย กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 กับสมเด็จพระราชินีคามิลลา ก็ปรากฏพระองค์ที่ระเบียงพระราชวังบักกิงแฮม พร้อมด้วยเจ้าชายวิลเลียมกับเจ้าหญิงเคท และพระโอรสกับพระธิดาทั้ง 3 พระองค์ และสมาชิกราชวงศ์องค์อื่นๆ โดยเจ้าหญิงแห่งเวลส์ทรงโบกพระหัตถ์ทักทายประชาชนที่มารวมตัวกันอย่างคับคั่ง
ก่อนหน้านี้เจ้าหญิงเคทไม่ได้ปรากฏพระองค์ต่อหน้าสื่อต่างๆ เลย นับตั้งแต่การแจ้งข่าวทรงเข้ารับการรักษาโรคมะเร็งเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา และการเงียบหายไปของพระองค์ทำให้เกิดทฤษฎีสมคบคิดต่างๆ แพร่กระจายในโลกโซเชียล ท่ามกลางการส่งกำลังใจให้พระองค์หายดีในเร็ววัน
...
สรุปไทม์ไลน์เจ้าหญิงเคทประชวร
เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2567 พระราชวังเคนซิงตันประกาศว่าเจ้าหญิงเคท เสด็จเข้าโรงพยาบาลเพื่อวางแผนการผ่าตัดช่องท้อง โดยระบุว่าเจ้าหญิงแห่งเวลส์ทรงซาบซึ้งต่อความสนใจในแถลงการณ์นี้ และทรงหวังว่าสาธารณชนจะเข้าใจความปรารถนาของพระองค์ที่จะรักษาความเป็นปกติของพระโอรสและธิดาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และขอให้ข้อมูลส่วนตัวทางการแพทย์ของพระองค์ยังคงเป็นส่วนตัว พร้อมเสริมว่า ทรงไม่น่าจะกลับมาปฏิบัติหน้าที่ต่อสาธารณะจนถึงเทศกาลอีสเตอร์ และต่อมาเมื่อวันที่ 29 มกราคม มีแถลงการณ์ออกมาอีก 1 ฉบับว่า เจ้าหญิงเคทเสด็จออกจากโรงพยาบาลแล้ว
โดยการไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณะเป็นเวลานาน และการขาดข้อมูลที่เป็นรูปธรรมเกี่ยวกับสุขภาพของพระองค์ ทำให้เกิดการแพร่กระจายทฤษฎีสมคบคิดต่างๆ นานา และเมื่อเจ้าชายวิลเลียมยกเลิกการปรากฏพระองค์ตามแผนที่วางไว้ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ โดยอ้างถึง เรื่องส่วนตัว ข่าวลือก็ยิ่งแพร่สะพัด
บางคนตั้งทฤษฎีไว้ว่ามะเร็งส่งผลเสียร้ายแรงต่อสุขภาพของเจ้าหญิงเคท หรือบางครั้งการแต่งงานของพระองค์กับเจ้าชายวิลเลียมอาจกำลังเจอมรสุมครั้งใหญ่ ทำให้พระองค์ต้องซ่อนพระองค์ และบางทีพระองค์อาจถูกลอบสังการแล้วแทนที่ด้วยร่างเงา
ในขณะเดียวกัน คำตอบจากพระราชวังเคนซิงตันก็ล้มเหลวในการทำให้จิตใจของสาธารณชนสงบลง ในตอนแรก พระราชวังระบุเพียงว่าเจ้าหญิงเคท "สบายดี" และพระอาการของพระองค์นั้น "ไม่ได้เป็นมะเร็ง”
ไม่กี่เดือนผ่านไป และยังไม่มีการแถลงเพิ่มเติมเกี่ยวกับพระองการของเจ้าหญิงเคท รูปภาพของพระองค์ก็ถือเป็นการสมรู้ร่วมคิด เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พระราชวังเคนซิงตันได้เผยแพร่พระรูปของเจ้าหญิงแห่งเวลส์แย้มพระสรวลกับพระโอรสและธิดา ซึ่งน่าจะเป็นการปรากฏตัวต่อสาธารณะครั้งที่สองจากทั้งหมดสองครั้งของเคทนับตั้งแต่วันคริสต์มาส แต่ไม่นานหลังจากที่ภาพนี้ถูกเผยแพร่ ก็เต็มไปด้วยเรื่องอื้อฉาว หน่วยงานด้านภาพถ่ายรายใหญ่หลายแห่ง รวมถึง AP และ Reuters สรุปว่าภาพนี้ได้รับการ "ดัดแปลง"
วันรุ่งขึ้น บัญชี X ของเจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งเวลส์โพสต์ข้อความขอโทษว่า ทรงเคยทดลองแก้ไขภาพเป็นครั้งคราว ฉันอยากจะแสดงความขอโทษสำหรับความสับสนที่เกิดขึ้นกับรูปถ่ายครอบครัวที่ออกไปโดยหวังว่าทุกคนที่เฉลิมฉลองจะมีความสุขมากในวันแม่
จากนั้นวิดีโอแถลงการณ์ของเคทก็ออกมาเมื่อวันที่ 22 มีนาคม ทรงอธิบายว่าตอนที่เข้ารับการผ่าตัด เชื่อกันว่าอาการของพระองค์ไม่ใช่มะเร็ง แต่แพทย์วินิจฉัยหลังจากนั้นไม่นาน เธอยังกล่าวอีกว่าความล่าช้าในการสื่อสารการวินิจฉัยของเธอต่อสาธารณะนั้นเกิดจากการต้องใช้เวลาในการพักฟื้นและเพื่อให้แน่ใจว่าเธอและลูกเล็กๆ สามคนเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับแม่ของพวกเขา
...
กระแสตอบรับการกลับมา
เจ้าหญิงแห่งเวลส์ทรงกำลังต่อสู้กับโรคมะเร็ง แต่เธอยังคงปรากฏตัวต่อสาธารณะเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนเพื่อเข้าร่วมงาน Trooping the Colour โดยคินซีย์ สกอร์ฟิลด์ ผู้เชี่ยวชาญด้านราชวงศ์ บอกว่า การปรากฏพระองค์ในพิธีมีขึ้นท่ามกลางความปีติยินดีของผู้คน และเป็นการกลับมาอย่างผู้ชนะ โดยทรงฉลองพระองค์ชุดเดรสสีขาวยาวถึงเข่าพร้อมรายละเอียดสีกรมท่า และหมวกที่เข้าชุดกับรองเท้าส้นสูงสีขาว เป็นลุคที่ดูคล้ายกับออเดรย์ เฮปเบิร์น นักแสดงสาวชื่อดังในตำนานจากเรื่อง "My Fair Lady" และได้รับคำชมอย่างล้นหลามว่า เป็นลุคที่ดูสวยงามสง่า พสกนิกรที่ไปรอรับเสด็จ เล่าว่า ทรงพระสิริโฉมงดงาม สวยราวกับกระเบื้องเคลือบ
ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า อากัปกิริยาทุกอย่างของเจ้าหญิงเคทสะท้อนการกลับมาอย่างเต็มภาคภูมิ หลายคนมองว่า "แคทเธอรีนเป็นผู้นำอย่างแท้จริง" แม้จะมีการคาดเดา และแชร์ข้อมูลที่ผิดๆ กระจายทางออนไลน์อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ชาวเน็ตแชร์คลิปวิดีโอของพระราชวังบักกิงแฮม ที่แสดงให้เห็นว่าเจ้าหญิงเคททรงหลอกล้อเล่นกับพระโอรสและธิดา ขณะที่ทั้ง 4 พระองค์ รอขึ้นรถม้าติดกระจกโดยเจ้าชายวิลเลียมได้เสด็จพระราชดำเนินขี่ม้าเผชิญสภาพอากาศร้อนบนหลังม้าอย่างกล้าหาญ
พระเจ้าชาร์ลส์ซึ่งทรงฟื้นตัวจากการวินิจฉัยโรคมะเร็งเฉียบพลัน ไม่สามารถทรงขี่ม้าได้ตามปกติ โดยทรงเลือกนั่งรถม้าเบาๆ อีกครั้งกับพระราชินีคามิลลา พระมเหสีของพระองค์
...
เจ้าหญิงเคทเป็นกุญแจสำคัญต่อพระราชวงศ์
การหายตัวไปของเจ้าหญิงเคทดูเหมือนจะทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงความขัดแย้งกับภาพลักษณ์ของพระองค์อย่างมาก เพราะที่ผ่านมาตราบใดที่ทรงอยู่ในสายตาของสาธารณชน ก็ทรงเป็นหนึ่งในสมาชิกราชวงศ์ที่ให้ความรู้สึกว่าพึ่งพาได้ เป็นที่ไว้วางใจได้ และเธอจะอยู่ที่นั่นเสมอ ขณะเดียวกันก็ทรงดูไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่จะถูกทำลายโดยแรงกดดันแห่งชีวิตในราชวงศ์ จนสื่อมวลชนได้ชื่นชมคุณลักษณะนี้ของเจ้าหญิงเคทบ่อยครั้ง
หลังจากที่เคทและวิลเลียมอภิเษกสมรสกันในปี 2554 ทั้งสองพระองค์มีช่วงเวลาฮันนีมูนแบบสั้นๆ ในฐานะสมาชิกราชวงศ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
ทางด้านนายไมเคิล โคล นักวิเคราะห์เรื่องราชวงศ์อังกฤษ กล่าวว่า การปรากฏพระองค์อีกครั้งของเจ้าหญิงเคท ถือเป็นการได้เปรียบหลายทาง ไม่เพียงแต่จะสร้างความมั่นใจให้กับพสกนิกรชาวอังกฤษเท่านั้น แต่ยังสร้างภาพลักษณ์ราชวงศ์ให้ดูเข้มแข็งขึ้นด้วย ขณะที่พระองค์ก็ไม่จำเป็นต้องรีบกลับมารับบทบาทอย่างแข็งขันในงานต่างๆ ของราชวงศ์ ซึ่งจะส่งผลดีต่อปัญหาสุขภาพของเธอ
โดยการปรากฏพระองค์ที่งาน Trooping the Color ไม่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการกลับไปปฏิบัติหน้าที่เต็มเวลา และพระองค์ยังไม่มีแผนที่จะเข้าร่วมงาน Garter Day หรือที่ Royal Ascot เนื่องจากยังทรงอยู่ระหว่างการรักษาพระวรกาย