เกิดเหตุทะเลาะวิวาทขึ้นกลางรัฐสภาอิตาลี ส่งผลให้สมาชิกสภาคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ และต้องนั่งรถเข็นออกจากห้องประชุม

เจ้าหน้าที่อิตาลีแสดงความเสียใจต่อเหตุทะเลาะวิวาทในรัฐสภา โดยปรากฏภาพความรุนแรงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันพุธ (12 มิ.ย.) ที่แพร่กระจายอย่างกว้างขวาง ในขณะที่อิตาลีกำลังทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพต้อนรับผู้นำโลกในการประชุมกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ หรือ จี7 ที่เมืองปูเกลีย

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างการลงคะแนนเสียงในร่างกฎหมายของรัฐบาลที่กำลังเป็นประเด็นขัดแย้ง เพื่อให้ภูมิภาคต่างๆ ของอิตาลีมีเอกราชมากขึ้น

รายงานระบุว่า เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อนายเลโอนาร์โด ดอนโน จากพรรค ไฟว์ สตาร์ มูฟเมนท์ ซึ่งต่อต้านการปฏิรูป ได้เดินเข้าไปหา นายโรแบร์โต คัลเดโรลี รัฐมนตรีกระทรวงกิจการภูมิภาค และการปกครองตนเอง ที่สนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าว จากนั้นจึงชูธงชาติอิตาลีใส่หน้านายคัลเดโรลี

ต่อมาเจ้าหน้าที่เสมียน 2 คนของสภาผู้แทนราษฎร พยายามแยกทั้งคู่ออกจากกัน ก่อนที่สมาชิกสภาคนอื่นๆ อีกราว 20 คน จะกรูเข้ามาร่วมในเหตุวิวาท จนเกิดการตะลุมบอน โดยพบว่ามีหมัดหนึ่งที่ต่อยโดนนายดอนโน ซึ่งกล่าวในภายหลังว่า ในระหว่างการตะลุมบอน เขาถูกต่อยเข้าที่กระดูกสันอกอย่างแรง และเขาก็ล้มลงเพราะหายใจไม่ออก ซึ่งต่อมาเขาก็ถูกนำตัวออกจากที่เกิดเหตุด้วยรถเข็น เขากล่าวเสริมว่า แพทย์ได้ตรวจหัวใจของเขา 7-8 ครั้ง ภายหลังการถูกทำร้ายร่างกาย

ด้าน นายอันโตนิโอ ทาจานี รัฐมนตรีต่างประเทศอิตาลี กล่าวว่า เขาพูดอะไรไม่ออกหลังเหตุดังกล่าว "เราจำเป็นต้องสร้างตัวอย่างใหม่ ไม่ใช่การต่อยเพื่อแก้ไขปัญหาทางการเมือง"

ภาพจากการทะเลาะวิวาทในสภา กลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์หลายฉบับในอิตาลีเมื่อวันพฤหัสบดี เหตุดังกล่าวมีสาเหตุมาจากประเด็นเรื่องร่างกฎหมายที่ให้บางภูมิภาคของอิตาลีมีเอกราชมากขึ้น โดยฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยแย้งว่า ข้อเสนอดังกล่าวจะทำให้ความแตกแยกระหว่างกลุ่มการเมืองในภาคเหนือและใต้ของอิตาลีรุนแรงขึ้นอีก และอาจสร้างความยากลำบากมาสู่ภาคใต้มากขึ้น

...

ในระหว่างการประชุมสุดยอด จี7 ซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่วันพฤหัสบดีถึงวันเสาร์ อิตาลีได้ให้การต้อนรับผู้นำจากสหภาพยุโรปและประเทศอุตสาหกรรมอื่นๆ อีก 6 ประเทศ รวมถึงประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งบรรดาผู้นำจะหารือเกี่ยวกับสงครามในยูเครนและประเด็นระดับโลกอื่นๆ.

ที่มา The Washington Post

ติดตามข่าวต่างประเทศเพิ่มเติมที่ https://www.thairath.co.th/news/foreign