กองทัพยูเครนโจมตีระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซีย ทั้ง S-300 และ S-400 บนคาบสมุทรไครเมีย ครั้งที่ 2 ในรอบสัปดาห์ หลังทัพรัสเซียส่งฝูงโดรนถล่มกรุงเคียฟ และอีกหลายแคว้น
สงครามยูเครนทวีความตึงเครียด กองทัพยูเครนใช้อาวุธจากชาติตะวันตกโจมตีถล่มระบบยิงขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซีย 3 เครื่อง บนแหลมไครเมีย เพื่อ ตอบโต้กองทัพรัสเซียที่ส่งโดรนติดอาวุธถล่มกรุงเคียฟ จนนับเป็นการโจมตีระบบยิงขีปนาวุธของกองทัพรัสเซียที่แคว้นไครเมียเป็นครั้งที่สองในสัปดาห์นี้
นายทหารระดับสูงของยูเครน เผยเมื่อ 13 มิ.ย. 2567 ว่า กองทัพยูเครนได้เล็งเป้า ยิงโจมตีระบบยิงขีปนาวุธ S-300 1 เครื่อง และ S-400 ซึ่งมีเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำกว่า ถึง 2 เครื่อง ใกล้เมืองเบลเบก และเซวาสโตโปล บนคาบสมุทรไครเมีย หลังจากถูกประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผนวกเข้าเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของรัสเซียเมื่อปี 2557
‘ผลการโจมตี ระบบเรดาร์ของ S-300 และ S-400 2 เครื่อง ถูกทำลาย ส่วนข้อมูลเกี่ยวกับเรดาร์ เครื่องที่ 3 กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบยืนยัน’ นายพลยูเครนแจ้งผ่านแอปพลิเคชันเทเลแกรม
การโจมตีระบบยิงขีปนาวุธของกองทัพรัสเซียที่ไครเมียครั้งที่สองในรอบสัปดาห์ มีขึ้นหลังจากกองทัพรัสเซียได้ส่งฝูงโดรนโจมตีกรุงเคียฟ เมืองหลวงยูเครน เมื่อคืนวันที่ 12 มิถุนายน รวมทั้งที่แคว้นดนีโปรเปตตร็อฟสก์ ซาปอริชเชีย ปอลตาวา คาร์คีฟ และวินนีตเซีย
...
นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ทหารยูเครนยังกล่าวว่า กองทัพยูเครนสามารถสกัดขีปนาวุธรัสเซียได้ 5 ลูก จากจำนวน 6 ลูก และโดรน 24 ลำ ที่ส่งมาโจมตียูเครนเมื่อคืนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-400 ของรัสเซียถูกพัฒนาขึ้นในยุคทศวรรษ 1990 โดยใช้ขีปนาวุธ 4 แบบครอบคลุมระยะการยิง 40 กม. ถึง 400 กม. และมีระบบเรดาร์มีระยะตรวจจับได้ไกลถึง 600 กม. โดยนิตยสาร "ดิ อีโคโนมิสต์" เคยยกย่องให้ S-400 เป็นระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ดีที่สุดในโลก มีสนนราคาของ S-400 อยู่ที่ 18,000 ล้านบาท ถึง 20,000 ล้านบาทเลยทีเดียว
ที่มา : independent