• อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดีจ่ายเงินปิดปาก "สตอร์มี แดเนียลส์" นักแสดงหนังผู้ใหญ่ เมื่อปี 2559 ทำให้ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีคนแรกในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดีอาญา
  • ศาลนัดพิจารณาบทลงโทษในวันที่ 11 ก.ค.นี้ ซึ่งทรัมป์อาจต้องโทษจำคุกระหว่าง 1-7 ปี หรืออาจถูกกักบริเวณ ขณะที่ทรัมป์ยังเดินสายหาเสียงต่อและให้สัมภาษณ์สื่อต่างๆ ว่าการพิจารณาคดีถูกแทรกแซง และไร้ความยุติธรรม ขณะที่เขาจะหาเสียงต่อไปแม้จะอยู่ในเรือนจำก็ตาม 

หลังจากการไต่สวนคดีเป็นเวลา 7 สัปดาห์ เมื่อวันพฤหัสบดี 30 พ.ค. 2567 คณะลูกขุนในนครนิวยอร์ก มีมติเป็นเอกฉันท์ตัดสินว่าอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ มีความผิดในความผิดอาญาทั้ง 34 กระทง ฐานปลอมแปลงบันทึกทางธุรกิจในระดับแรก

สตอร์มี แดเนียลส์ นักแสดงหนังผู้ใหญ่อ้างว่า ก่อนการเลือกตั้งปี 2559 ซึ่งในที่สุดทรัมป์ชนะ เขาจ่ายเงินให้เธอ 130,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อนิ่งเฉยต่อข่าวที่ทั้งคู่มีเพศสัมพันธ์กันเมื่อ 10 ปีก่อน ซึ่งทรัมป์ปฏิเสธมาตลอดว่าเขาไม่เคยมีสัมพันธ์ทางเพศกับ สตอร์มี แดเนียลส์

ด้าน ไมเคิล โคเฮน อดีตทนายความของทรัมป์ซึ่งเป็นผู้จ่ายเงินให้กับแดเนียลส์ เป็นพยานว่าเขาปฏิบัติตามคำสั่งโดยตรงของทรัมป์ พร้อมยืนยันว่าทรัมป์จ่ายเงินคืนให้เขาโดยใช้เงินที่รวบรวมไว้สำหรับการหาเสียงเลือกตั้ง

โดยคดีทรัมป์ถูกตัดสินว่ามีความผิดทั้ง 34 กระทง เกี่ยวข้องกับวิธีต่างๆ ที่ทรัมป์ใช้ในการจัดหมวดหมู่เงินค่าปิดปากก้อนนี้ เป็นค่าธรรมเนียมทางกฎหมาย โดยศาลพบว่ามีใบแจ้งหนี้ 11 ฉบับสำหรับบริการทางกฎหมาย มีเช็ค 11 ฉบับที่จ่ายสำหรับบริการด้านกฎหมาย และมีบัญชีแยกประเภท 12 รายการสำหรับค่าใช้จ่ายทางกฎหมาย

...

แนวทางการต่อสู้คดีของทรัมป์

หลังการพิจารณาคดี ทรัมป์สามารถอุทธรณ์คำตัดสินของเขาในศาลอุทธรณ์ ที่นครนิวยอร์ก โดยอาจโต้แย้งว่า ผู้พิพากษาอาจมีอคติ โดยให้เหตุผลว่าลูกสาวของผู้พิพากษาเป็นเจ้าของบริษัทที่มีสมาชิกพรรคเดโมแครตหลายคนเป็นลูกค้า รวมถึงประธานาธิบดีโจ ไบเดน และรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส

นอกจากนี้ ทรัมป์สามารถโต้แย้งได้ว่าผู้พิพากษาทำผิดพลาดทางกฎหมาย รวมถึงการยอมให้คณะลูกขุนได้ยินคำให้การที่น่ารังเกียจของสตอร์มี แดเนียลส์ ซึ่งเขามองว่าเป็นการกล่าวหาทรัมป์แต่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ และทรัมป์สามารถโต้แย้งได้ว่าข้อกล่าวหาเหล่านั้นไม่เหมาะสมทางกฎหมาย การปลอมแปลงเพียงอย่างเดียวถือเป็นอาชญากรรมทางอาญาในนิวยอร์ก ซึ่งจะยกระดับเป็นความผิดอาญาต่อเมื่อทำเพื่อช่วยก่ออาชญากรรมหรือปกปิดอาชญากรรมอื่น โดยในกรณีนี้ตามคำฟ้องคือการสมรู้ร่วมคิดเพื่อฝ่าฝืนกฎหมายการเลือกตั้งของรัฐ

อย่างไรก็ตาม ทนายความของทรัมป์สามารถโต้แย้งได้ว่า ทรัมป์กำลังแข่งขันในศึกเลือกตั้งระดับรัฐบาลกลาง กฎหมายการเลือกตั้งระดับรัฐจึงไม่มีผลกับเขา ดังนั้นเขาจึงควรถูกตั้งข้อหากระทำความผิดลหุโทษ ไม่ใช่ความผิดทางอาญา

ทรัมป์จะติดคุกหรือไม่

ผู้เชี่ยวชาญการเมืองสหรัฐฯ มองว่า ทางเทคนิคแล้วมีความเป็นไปได้ที่ทรัมป์จะต้องโทษจำคุก แต่มีความเป็นไปได้น้อยเนื่องจากปกติแล้วในโลกธุรกิจ การจ่ายเงินเป็นค่าปิดปากไม่ได้มีความผิดทางกฎหมาย แต่กรณีของทรัมป์ถือว่าผิดที่การปลอมแปลงบัญชี ซึ่งแต่ละครั้งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีจนถึงสูงสุด 4 ปี และตามทฤษฎีแล้ว ทรัมป์อาจมีโทษจำคุกสูงสุด 136 ปี

แต่ในทางปฏิบัติ เป็นเรื่องปกติที่ผู้ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานปลอมแปลงบันทึกทางธุรกิจ ซึ่งไม่มีประวัติอาชญากรรมอื่นใดอาจจะถูกตัดสินจำคุกได้เหมือนกัน แต่กรณีของทรัมป์การลงโทษ เช่น การคุมประพฤติ จ่ายค่าปรับ หรือการบริการสังคมกลับเป็นเรื่องที่ดูเป็นไปได้มากกว่า

แม้แต่ผู้ที่ถูกตัดสินให้จำคุกความผิดฐานปลอมแปลงบัญชี และยังมีความผิดในอาชญากรรมอื่นๆ เช่น การฉ้อโกง หรือการลักทรัพย์ ก็มักจะได้รับโทษจำคุก 1 ปีหรือน้อยกว่านั้น ซึ่งในกรณีของทรัมป์นั้นไม่เข้าข่าย

อย่างไรก็ตาม ศาลนัดวันพิจารณาบทลงโทษในวันที่ 11 กรกฎาคม ตามคำร้องขอของทนายความฝ่ายจำเลย โดยทรัมป์จะกลับมาที่ศาลเพื่อรับฟังการพิจารณา โดยถึงตอนนั้นจะเหลือเวลาอีก 4 วันก่อนที่ทรัมป์จะได้รับการเสนอชื่ออย่างเป็นทางการให้เป็นผู้แทนพรรคลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ในการประชุมระดับชาติของพรรครีพับลิกัน

...

ทรัมป์จะขาดคุณสมบัติลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีหรือไม่

รัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ กำหนดไว้ว่าประธานาธิบดีจะต้องเป็นบุคคลที่มีอายุอย่างน้อย 35 ปี เป็นพลเมืองสหรัฐฯ โดยกำเนิด และอาศัยอยู่ในประเทศนี้เป็นเวลาอย่างน้อย 14 ปี ซึ่งทรัมป์มีคุณสมบัติครบถ้วนตามเกณฑ์ทั้งหมด ขณะที่รัฐธรรมนูญไม่ได้ห้ามนักโทษไม่ให้ลงสมัครรับตำแหน่งหรือชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ทำให้ทรัมป์ยังสามารถลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน 2567

...

ทรัมป์มีความผิดคดีอาญา ส่งผลต่อการเลือกตั้งของสหรัฐฯ อย่างไร

จากการสำรวจความคิดเห็นของสำนักโพล NPR ตลอดจน PBS NewsHour และ Marist ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมา พบว่า 67% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่า การลงคะแนนเสียงของพวกเขาในเดือนพฤศจิกายนจะไม่ได้รับผลกระทบต่อให้ทรัมป์ถูกตัดสินว่ามีความผิด

เมลานี สโลน อดีตอัยการและผู้เชี่ยวชาญด้านจริยธรรมของรัฐบาลสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัดสินว่าทรัมป์มีความผิดน่าจะส่ผลต่อการตัดสินใจของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ยังอยู่ตรงกลางมากกว่ากลุ่มอื่น โดยก่อนหน้านี้ การสำรวจความคิดเห็นที่จัดทำโดย Bloomberg และ Morning Consult ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า 53% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งในรัฐสวิง ปฏิเสธที่จะลงคะแนนให้ทรัมป์ หากเขาถูกตัดสินว่ามีความผิด

ทางด้านลารา ทรัมป์ ลูกสะใภ้ของทรัมป์ และประธานร่วมของคณะกรรมการพรรครีพับลิกัน เปิดเผยกับฟ็อกซ์นิวส์ว่า ทรัมป์จะจัดกิจกรรมรณรงค์หาเสียงและการชุมนุมทางออนไลน์ ในกรณีที่เขาถูกตัดสินว่ามีความผิดและถูกตัดสินจำคุกที่บ้าน ขณะที่แคมเปญของทรัมป์ ชูประเด็นว่าทรัมป์จะถูกตัดสินว่ามีความผิดก่อนที่ศาลจะอ่านคำพิพากษาเสียด้วยซ้ำ ตั้งแต่เปิดการระดมทุนเพื่ออุทธรณ์สู้คดี มีการส่งข้อความที่แสดงว่าทรัมป์เป็นนักโทษการเมือง และเริ่มมีการจำหน่ายหมวก "Make America Great Again" แบบสีดำ เพื่อเป็นสัญลักษณ์วันอันมืดมนในประวัติศาสตร์.