การเลือกตั้งใหญ่มาราธอนหลายสัปดาห์ในประเทศอินเดีย สิ้นสุดลงแล้ว โดยผลเอ็กซิตโพลชี้ว่า นเรนทรา โมดี จะคว้าตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่ 3

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า การเลือกตั้งใหญ่ของประเทศอินเดียที่ดำเนินมายาวนาน 6 สัปดาห์ สิ้นสุดลงแล้วในวันเสาร์ที่ 1 มิ.ย. 2567 หลังจากประชาชนฝ่าคลื่นความร้อนออกมาใช้สิทธิ์ในเมืองพาราณาสี เมืองศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮินดู ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่สุดท้ายที่เปิดหีบลงคะแนนเสียง

เป็นที่คาดหมายกันอย่างกว้างขวางว่า นเรนทรา โมดี จะคว้าชัยชนะได้เป็นนายกรัฐมนตรีอินเดียสมัยที่ 3 หลังมีการประกาศผลเลือกตั้งในวันอังคารนี้ (4 มิ.ย.) ซึ่งจะทำให้เขาเป็นคนแรกนับตั้งแต่ นายชวาหะร์ลาล เนห์รู ที่ได้ดำรงตำแหน่งผู้นำแดนภารตะติดต่อกันถึง 3 สมัยซ้อน

ขณะที่ผลเอ็กซิตโพลซึ่งสรุปโดยสถานีโทรทัศน์ NDTV ชี้ว่า กลุ่มพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติ (NDA) ซึ่งนำโดย พรรคภารตียชนตา (BJP) ของนายโมดี จะคว้าเสียงข้างมากได้เก้าอี้ในสภาผู้แทนราษฎรมากกว่า 350 ที่นั่ง จากทั้งหมด 543 ที่นั่ง ใกล้เคียงกับการเลือกตั้งในปี 2562 ซึ่ง NDA ได้ สส.ทั้งหมด 353 คน

ส่วนฝ่ายค้านอย่าง กลุ่มพันธมิตร ‘INDIA’ ซึ่งนำโดยพรรคคองเกรสของ นายราหุล คานธี เอ็กซิตโพลชี้ว่าจะได้เก้าอี้ในสภาผู้แทนราษฎรมากกว่า 120 ที่นั่ง

นักวิเคราะห์เตือนว่า ตามสถิติในอดีต เอ็กซิตโพลมักไม่แม่นยำ เนื่องจากขนาดของการเลือกตั้ง แต่โพลของหลายสำนักก็ให้พรรค BJP เป็นผู้ชนะการเลือกตั้งครั้งนี้

ทั้งนี้ การเลือกตั้งใหญ่ของอินเดียเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 19 เม.ย. ถือเป็นหนึ่งในการเลือกตั้งที่มีขนาดใหญ่และยาวนานที่สุดในโลก ซึ่งประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกว่า 969 ล้านคน จะออกมาลงคะแนนเสียงเพื่อเลือกผู้นำคนต่อไปของประเทศ

...

การเลือกตั้งในครั้งนี้เต็มไปด้วยการปราศรัยอย่างรุนแรงและโฆษณาชวนเชื่อของนักการเมืองฝ่ายต่างๆ เพื่อเอาชนะฝ่ายตรงข้าม ทั้งตามเวทีหาเสียงและบนโลกออนไลน์ รวมถึงข้อครหาเรื่องการดัดแปลงเครื่องลงคะแนนเสียง และการปฏิเสธสิทธิ์เลือกตั้งของชาวมุสลิมในบางพื้นที่

หนึ่งในปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจลงคะแนนเสียงของประชาชนในการเลือกตั้งครั้งนี้คือ การเปิดตัว ‘รามมนเทียร’ เป็นโบสถ์พราหมณ์ที่กำลังก่อสร้างในอโยธยา รัฐอุตตรประเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญญาของพรรค BJP แต่เรื่องอัตราว่างงานในประเทศกับค่าครองชีพสูง ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยเช่นกัน.

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : cnabbc