เกิดเหตุไฟไหม้กองภูเขาขยะขนาดใหญ่ในกรุงนิวเดลี ของอินเดีย ทำให้ควันพิษกระจายจนชายบ้านในละแวกใกล้เคียงได้รับผลกระทบ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เหตุไฟไหม้บ่อขยะ ‘กาซีปูร์’ (Ghazipur) ในกรุงนิวเดลี เมืองหลวงของประเทศอินเดีย เริ่มขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 เม.ย. 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงพยายามควบคุมสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และสามารถดับไฟได้เกือบหมดแล้วในวันอังคารที่ 23 เม.ย.
อย่างไรก็ตาม เหตุไฟไหม้ทำให้ควันพิษซึ่งประกอบด้วยก๊าซมีเทนถูกปล่อยออกมา จนชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกใกล้เคียงหลายรายร้องเรียนว่า สารพิษในอากาศทำให้พวกเขาเกิดอากาศระคายเคืองตาและคอ
จนถึงตอนนี้ ยังไม่แน่ชัดว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เกิดเพลิงไหม้ที่บ่อขยะ กาซีปูร์ แต่ส่วนให้เหตุเพลิงไหม้บ่อขยะมักมีสาเหตุจากก๊าซติดไฟได้ ซึ่งเกิดจากการย่อยสลายของขยะ กอปรกับอากาศในฤดูร้อนของกรุงนิวเดลีที่ร้อนขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดไฟไหม้บ่อขยะบ่อยครั้ง
อนึ่ง ภูเขากองขยะ กาซีปูร์ ถูกเรียกว่า “1 ใน 3 ภูเขาแห่งความน่าอับอายของนิวเดลี” โดยตามข้อมูลจากศูนย์เพื่อวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อมในปี 2566 ภูเขาขยะแห่งนี้มีความสูงถึง 65 ม. หรือเกือบเท่าทัชมาฮาล และสร้างความเสียหายต่อทั้งทัศนียภาพและสุขภาพของชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงมาอย่างยาวนาน
การย่อยสลายของขยะทำให้เกิดการปล่อยก๊าซมากมาย หนึ่งในนั้นคือ มีเทน ซึ่งมีคุณสมบัติกักความร้อน และเหตุไฟไหม้ยิ่งทำให้การปล่อยมีเทนรุนแรงขึ้นอีก โดยการสัมผัสกับก๊าซมีเทนเป็นเวลานาน สามารถทำให้อาการของโรคปอดเลวร้ายลง, ทำให้เกิดโรคหอบหืด และเพิ่มความเสียหายเกิดโรคหลอดเลือดในสมอง
ก๊าซมีเทนไม่ใช่ปัญหาเดียวที่เกิดขึ้นจากบ่อขยะ ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา สารพิษจำนวนมากจากขยะซึมลงสู่พื้นดิน ทำให้น้ำที่ชาวบ้านหลายพันคนในละแวกใกล้เคียงใช้ ปนเปื้อน
...
เมื่อปี 2565 ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้บ่อขยะ บาลสวา (Bhalswa) อีกหนึ่งภูเขาขยะขนาดใหญ่ในนิวเดลี ก็เคยออกมาร้องเรียนว่า สารพิษจากบ่อขยะทำให้เกิดผื่นคันบนผิวหนังและปัญหาทางเดินหายใจ
คณะกรรมการพิเศษ ซึ่งถูกจัดตั้งขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาไฟไหม้บ่อขยะ กาซีปูร์ โดยเฉพาะ ระบุว่า ในแต่ละวัน จะมีขยะแข็งถูกส่งมาทิ้งที่กาซีปูร์ มากกว่า 2,300 ตัน เจ้าหน้าที่พยายามสังเกตการณ์และหาทางลดก๊าซมีเทนที่สะสมอยู่ภายในกองขยะ แต่การทำงานของพวกเขาตามปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วไม่ทัน
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : cnn