อิสราเอลพบศพตัวประกันอีกราย ถูกฝังในค่ายอพยพที่เมืองข่านยูนิส อ้างถูกกลุ่มติดอาวุธสังหาร ขณะที่ญาติโทษรัฐบาลอิสราเอลว่าเป็นต้นเหตุทำให้ตัวประกันรายนี้เสียชีวิต

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) กับสำนักงานความมั่นคงอิสราเอล (ISA) เปิดเผยในวันเสาร์ที่ 6 เม.ย. 2567 ว่า ทหารของพวกเขาพบศพของ นายเอลาด คัตซีร์ หนึ่งในตัวประกันที่ถูกกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ควบคุมตัวเอาไว้แล้ว ระหว่างปฏิบัติการทางทหารเมื่อช่วงข้ามคืนที่เมืองข่านยูนิส

IDF กับ ISA ระบุในแถลงการณ์ร่วมกันว่า นายคัตซีร์ถูกสังหารระหว่างอยู่ในการควบคุมตัวของกลุ่มติดอาวุธ อิสลามิสต์ ญิฮาด โดยเจ้าหน้าที่ใช้ข้อมูลข่าวกรองที่แม่นยำจนสามารถระบุได้ว่า ศพของเขาถูกฝังอยู่ในค่ายอพยพที่เมืองข่านยูนิส ซึ่งถูกใช้เป็นศูนย์ปฏิบัติการก่อการร้าย โดยศพของนายคัตซีร์ถูกขุดขึ้นมา และส่งกลับอิสราเอลแล้ว

แถลงการณ์ร่วมระบุอีกว่า พวกเขาได้รับข้อมูลเรื่องสุสานแห่งนี้เมื่อสัปดาห์ก่อน และยืนยันความถูกต้องในช่วงเย็นวันศุกร์ นำไปสู่ปฏิบัติการในช่วงข้ามคืนเข้าสู่วันเสาร์ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ นายคัตซีร์ วัย 47 ปี ถูกลักพาตัวไปจากคิบบุตซ์ นีร์ ออสซ์ พร้อมกับ ฮันนา แม่วัย 77 ปีของเขา ในตอนที่กลุ่มฮามาสเปิดฉากโจมตีอิสราเอลครั้งใหญ่เมื่อ 7 ต.ค.ปีก่อน โดยฮันนาเป็นหนึ่งในตัวประกัน 104 คน ที่ได้รับการปล่อยตัวระหว่างการหยุดยิง 6 วันเมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2566 ตามข้อตกลงระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส

ขณะที่ นายอัฟราฮัม พ่อของนายคัตซีร์ เสียชีวิตระหว่างการโจมตีดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม กระแสความไม่พอใจของชาวอิสราเอลที่มีต่อรัฐบาลนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู กำลังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดการประท้วงขึ้นหลายครั้งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

...

คาร์มิต พัลตี คัตซีร์ พี่สาวของนายคัตซีร์ โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ กล่าวโทษทางการอิสราเอลว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้น้องชายของเธอเสียชีวิต เพราะเธอเชื่อว่า น้องชายคงกลับมาอย่างมีชีวิต หากรัฐบาลเห็นชอบข้อตกลงหยุดยิงฉบับใหม่กับกลุ่มฮามาส

“ผู้นำของเรานั้นขี้ขลาดและถูกผลักดันด้วยเหตุผลทางการเมือง ซึ่งนี่เป็นเหตุผลว่าทำไม ข้อตกลงจึงยังไม่เกิดขึ้นเสียที” คาร์มัตระบุบนเฟซบุ๊ก “นายกรัฐมนตรี, คณะรัฐมนตรีสงคราม และสมาชิกรัฐบาลผสม โปรดมองดูตัวเองในกระจก แล้วบอกทีว่ามือของพวกคุณทำให้เกิดการนองเลือดหรือไม่”

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : bbc