• จากเหตุกลุ่มมือปืนบุกกราดยิงผู้คนอย่างโหดเหี้ยม ระหว่างงานคอนเสิร์ตที่โครคัส ซิตี้ ฮอลล์ ชานกรุงมอสโกเมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา คร่าชีวิตประชาชน 137 ศพ บาดเจ็บ 182 ราย นับเป็นเหตุนองเลือดสะเทือนขวัญครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปีเกิดขึ้นในรัสเซีย และเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ชนะการเลือกตั้งถล่มทลาย ได้กลับมาดำรงตำแหน่งต่ออีก 6 ปี  
  • หลังเกิดเหตุไม่กี่ชั่วโมง กลุ่มรัฐอิสลาม หรือไอซิส ที่เคลื่อนไหวในภูมิภาคโคราซาน บริเวณตะวันออกเฉียงเหนือของอิหร่าน ทางตอนใต้ของเติร์กเมนิสถาน และทางตอนเหนือของอิรัก หรือที่เรียกว่า กลุ่มไอซิส-โคราซาน (ไอซิส-เค) ได้ออกแถลงการณ์ผ่านบัญชีสำนักข่าวอะมัก ในเทเลแกรม ว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีครั้งนี้ 
  • สำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ หรือซีไอเอ ออกมายืนยันแล้วว่ากลุ่มไอซิส เป็นผู้ก่อเหตุโจมตีในรัสเซียจริง ทำให้คนทั่วไปเกิดความสงสัยว่า เหตุใดกลุ่มไอซิส ซึ่งเป็นคู่แค้นสหรัฐฯ ถึงมาพุ่งเป้าก่อเหตุโจมตีรัสเซีย และที่ผ่านมารัสเซียกับไอซิสเคยมีความขัดแย้งอะไรกัน

...

ก่อนการแสดงของ "ปิกนิก" วงดนตรีแนวร็อกชื่อดังของรัสเซียตั้งแต่สมัยยุคอดีตสหภาพโซเวียตจะเริ่มขึ้น กลุ่มมือปืนสวมชุดลายพราง กระหน่ำยิงปืนดังสนั่นหวั่นไหว ผู้คนนับร้อยภายในศูนย์จัดแสดงคอนเสิร์ตต่างพากันกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนก ก่อนที่จะมีเสียงระเบิดดังขึ้นอีกหลายครั้ง จากนั้นคอนเสิร์ต ฮอลล์ ก็เต็มไปด้วยเลือดนอง ควันไฟพวยพุ่ง และโครงสร้างหลังคาพังถล่มลงมา 

จนถึงตอนนี้ทางการรัสเซียรวบตัวผู้ต้องสงสัยได้ 11 คน ในจำนวนนี้มี 4 คนที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการโจมตีด้วยอาวุธในงานคอนเสิร์ต ได้แก่นายดาเลร์ดซอน มีร์โซเยฟ วัย 32 ปี นายไซดากรามี ราชาบาลิโซดา วัย 30 ปี นายมูฮัมหมัดโซบีร์ ไฟซอฟ อายุ 19 ปี และนายชัมซิดิน ฟาริดูนี วัย 25 ปี ซึ่งทั้งหมดถูกตั้งข้อหาอย่างเป็นทางการ อาจต้องรับโทษจำคุกตลอดชีวิต หากศาลพิพากษาว่ามีความผิดจริง โดยศาลสั่งให้ผู้ต้องสงสัยทั้งหมด ซึ่งเป็นพลเมืองของทาจิกิสถาน ถูกควบคุมตัวก่อนการพิจารณาคดีในวันที่ 22 พฤษภาคม ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญในสหรัฐฯ ได้ยืนยันความถูกต้องของข้อมูลที่กลุ่มไอซิสออกมากล่าวอ้างความรับผิดชอบจากเหตุโจมตีครั้งนี้

ไอซิส สาขาอัฟกานิสถาน

กลุ่มไอซิสในอัฟกานิสถาน นี้ยังคงเป็นหนึ่งในกลุ่มพันธมิตรที่แข็งขันที่สุดของกลุ่มรัฐอิสลาม ก่อตั้งขึ้นในพื้นที่ทางตะวันออกของอัฟกานิสถาน ในช่วงปลายปี 2014 ประกอบด้วยนักรบที่แยกตัวออกจากกลุ่มตาลีบัน ในปากีสถาน และนักรบในท้องถิ่นที่ให้คำมั่นว่าจะจงรักภักดีต่อ อาบู บักร์ อัล บักดาดี ผู้นำกลุ่มไอซิสที่ล่วงลับไปแล้ว และตั้งแต่นั้นมา กลุ่มนี้ได้สร้างชื่อเสียงอันน่าหวาดกลัวจากการก่อเหตุโจมตีที่โหดร้ายรุนแรง

มูรัต อัสลาน นักวิเคราะห์ทางทหารและอดีตพันเอกของกองทัพตุรกี กล่าวว่ากลุ่มพันธมิตรในอัฟกานิสถานของไอซิสขึ้นชื่อในเรื่อง "วิธีการโจมตีแบบนองเลือดรุนแรง" และมีอุดมการณ์เป็นแรงบันดาลใจในการเลือกเป้าหมาย โดยพวกเขามองว่า รัสเซียก็มีกองกำลังเคลื่อนไหวในซีเรียและต่อสู้กับกลุ่มไอซิส เช่นเดียวกับสหรัฐฯ นั่นหมายความว่าพวกเขามองว่าประเทศเหล่านี้เป็นศัตรู 

ขณะเดียวกันเชื่อว่า นักรบของไอซิสในอัฟกานิสถาน แทรกซึมไปในกรุงมอสโก ของรัสเซีย และเมืองหลวงอื่นๆ และเชื่อว่าเราจะได้เห็นการโจมตีมากขึ้น อาจจะเป็นในเมืองหลวงของประเทศอื่นๆ 

แม้ว่าอัฟกานิสถานจะมีสถานะตกต่ำลงเรื่อยๆ นับตั้งแต่จุดเฟื่องฟูสูงสุดในปี 2018 แต่นักรบไอซิสในอัฟกานิสถานยังคงเป็นหนึ่งในภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

...

การก่อเหตุโจมตีในช่วงที่ผ่านมา 


นักรบไอซิส-เค ออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุโจมตีนอกสนามบินคาบูล เมื่อปี 2021 ซึ่งทำให้พลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 175 ศพ ทหารอเมริกันเสียชีวิต 13 ศพ และมีผู้บาดเจ็บอีกหลายสิบราย ก่อนหน้านี้กลุ่มไอซิส-เค ถูกกล่าวหาว่าก่อเหตุโจมตีนองเลือดที่แผนกสูตินรีเวช ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงคาบูล ของอัฟกานิสถาน เมื่อเดือนพฤษภาคม ปีที่แล้ว ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 24 ศพ รวมไปถึงผู้หญิงและเด็กทารก จากนั้นในเดือนพฤศจิกายน ปีเดียวกัน กลุ่มนี้ยังได้ก่อเหตุโจมตีมหาวิทยาลัยคาบูล ส่งผลให้ครู และนักศึกษาเสียชีวิตอย่างน้อย 22 ศพ

ต่อมาในเดือนกันยายน 2565 กลุ่มไอซิส-เค ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตาย ที่สถานทูตรัสเซียในกรุงคาบูลและเมื่อปีที่แล้ว อิหร่านกล่าวโทษกลุ่มนี้ที่โจมตีวิหารแห่งใหญ่ทางตอนใต้ของเมืองชีราซ 2 ครั้ง คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 14 ศพและบาดเจ็บมากกว่า 40 ราย

กองทัพสหรัฐฯ กล่าวอ้างว่า ได้พยายามขัดขวางการสื่อสารที่ยืนยันว่ากลุ่มนี้กำลังเตรียมโจมตีด้วยระเบิดฆ่าตัวตายในอิหร่าน เมื่อเดือนมกราคมปีนี้ คร่าชีวิตผู้คนไปเกือบ 100 ศพ ในเมืองเคอร์มาน ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอิหร่าน 

ทำไมไอซิสหันมาพุ่งเป้าโจมตีรัสเซีย

บรรดานักวิเคราะห์ด้านกลาโหมและความมั่นคง กล่าวว่า กลุ่มไอซิสมีการโฆษณาชวนเชื่อโจมตีประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ จากการกล่าวหาว่ารัสเซียกดขี่ชาวมุสลิม โดยนายไมเคิล คูเกิลแมน ผู้อำนวยการสถาบันเอเชียใต้ แห่งศูนย์วิลสัน เซนเตอร์ ในวอชิงตัน กล่าวว่า นโยบายด้านการต่างประเทศของรัสเซียเป็นหายนะสำหรับไอซิส

แม้แต่ในอดีต การรุกรานอัฟกานิสถานของสหภาพโซเวียต การกระทำของรัสเซียในเชชเนีย ความสัมพันธ์ใกล้ชิดของมอสโกกับรัฐบาลซีเรียและอิหร่าน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการรณรงค์ทางทหารที่รัสเซียได้ต่อสู้กับนักรบไอซิส ในซีเรีย และการใช้กลุ่มทหารรับจ้างแวกเนอร์ กรุ๊ป ในพื้นที่บางส่วนของแอฟริกา ซึ่งทั้งหมดนี้หมายความว่า รัสเซียได้กลายเป็นจุดสนใจของ "สงครามโฆษณาชวนเชื่อ" ของไอซิส

...

ทางด้านนายอามิรา จาดูน ผู้ช่วยศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยเคลมสัน ในเซาท์แคโรไลนา ผู้เขียนร่วมหนังสือเรื่อง "รัฐอิสลามในอัฟกานิสถาน และปากีสถาน : พันธมิตรเชิงกลยุทธ์และการแข่งขัน" กล่าวว่า การมีส่วนร่วมของรัสเซียในการต่อสู้กับไอซิส โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านการปฏิบัติการทางทหารในซีเรีย และความพยายามในการสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มตาลีบันในอัฟกานิสถาน ซึ่งเป็นคู่แข่งของไอซิส-เค เป็นสิ่งบ่งชี้ว่า รัสเซียเป็นศัตรูสำคัญของไอซิส และไอซิส-เค  

ผู้เชี่ยวชาญมองว่า หากการโจมตีรัสเซีย เป็นฝีมือของไอซิสจริงตามคำกล่าวอ้าง ก็แสดงให้เห็นว่ากลุ่มนี้หวังว่าจะได้รับการสนับสนุนและพัฒนาเป้าหมายในการพัฒนาเป็นองค์กรก่อการร้ายที่มีอิทธิพลระดับโลก ด้วยการแสดงให้เห็นว่าสามารถโจมตีภายในดินแดนรัสเซียได้

โดยที่ผ่านมา ไอซิส-เค ได้แสดงให้เห็นหลายครั้งว่า มีความทะเยอทะยานที่จะพัฒนาไปสู่องค์กรก่อการร้ายระดับภูมิภาคที่น่าเกรงขาม มีความเกี่ยวข้องทางการเมืองและการเข้าถึงการปฏิบัติงานก่อเหตุระดับเวทีโลก

กาบีร์ ตาเนจา แห่งโครงการศึกษาเชิงยุทธศาสตร์ของมูลนิธิวิจัยผู้สังเกตการณ์ ซึ่งเป็นองค์กรคลังสมองในกรุงนิวเดลี ของอินเดีย กล่าวว่าไอซิสและกลุ่มนักรบในเครือข่าย ต่างมองว่ารัสเซียเป็น "อำนาจใหญ่ที่ต่อสู้กับมุสลิม" โดยแรงจูงใจที่น่าสนใจที่สุดในปัจจุบันสำหรับไอซิส-เค ในการโจมตีรัสเซียคือปัจจัย ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับตาลีบัน เมื่อกลุ่มตาลีบันเป็นคู่แข่งสำคัญของไอซิส และไอซิส-เค ในขณะที่รัสเซียเป็นมิตรที่ดีของตาลีบัน 

ขณะเดียวกันความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างรัสเซียกับอิสราเอล ยังขัดแย้งและเป็นภัยต่ออุดมการณ์ของไอซิส ซึ่งความขัดแย้งนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ในเชิงอุดมการณ์ แต่เป็นเชิงกลยุทธ์ 

...

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กลุ่มติดอาวุธไอซิสอยู่ห่างจากความสนใจของชาวโลกอย่างมากหลังจากพ่ายแพ้ในซีเรียและอิหร่าน จนกระทั่งได้รวมกลุ่มใหม่เป็นกองกำลังที่น่าเกรงขามมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และถือเป็นความท้าทายสำหรับโลก ท่ามกลางการแข่งขันกันของประเทศมหาอำนาจ และความปั่นป่วนทางภูมิรัฐศาสตร์โลกที่เริ่มส่งผลกระทบต่อปฏิบัติการปราบปรามการก่อการร้าย.