โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ออกมากล่าวโจมตี วลาดิเมียร์ ปูติน ซึ่งเชื่อมโยงยูเครนเข้ากับเหตุกราดยิงคอนเสิร์ตในกรุงมอสโก โดยชี้ว่าปูตินห่วงโจมตีเคียฟมากกว่าปกป้องคนในประเทศตัวเอง

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ 24 มี.ค. 2567 ว่า จำนวนผู้เสียชีวิตในเหตุคนร้ายกราดยิงที่ศูนย์จัดแสดงคอนเสิร์ตโครคัส ซิตี้ ฮอลล์ (Crocus City Hall) ชานกรุงมอสโก เมืองหลวงรัสเซีย เมื่อค่ำวันศุกร์ที่ 22 มีนาคม 2567 ตามเวลาท้องถิ่น เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 137 ศพแล้ว และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกราว 150 ราย

หลังเกิดเหตุกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม หรือ ไอซิส ออกมาอ้างตัวเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้ พร้อมเผยแพร่รูปชายสวมหน้ากาก 4 คน อ้างว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ ขณะที่สหรัฐฯ ชี้ว่าผู้ก่อเหตุคือ กลุ่มไอซิส-โคราซาน หรือ ไอซิส-เค (ISIS-K) กลุ่มย่อยของไอซิส ซึ่งเคลื่อนไหวอยู่ใน อัฟกานิสถาน, ปากีสถาน, เติร์กเมนิสถาน, ทาจิกิสถาน, อุซเบกิสถาน และอิหร่าน

อย่างไรก็ตาม ในวันเสาร์ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย มีแถลงการณ์เกี่ยวกับเหตุกราดยิงที่เกิดขึ้น อ้างว่ากลุ่มคนที่ก่อเหตุโจมตีถูกจับได้ขณะพยายามหลบหนีไปยังยูเครน “จากข้อมูลเบื้องต้น ช่องทางข้ามพรมแดนถูกจัดเตรียมให้พวกเขาโดยฝ่ายยูเครน” โดยไม่เอ่ยถึงกลุ่มไอซิสแต่อย่างใด

เจ้าหน้าที่ยูเครนออกมาปฏิเสธทันที ระบุว่า คำกล่าวอ้างของรัสเซียนั้น ฟังไม่ขึ้น และไร้เหตุผล ขณะที่กลุ่มไอซิสเผยแพร่คลิปวิดีโอเหตุการณ์ ซึ่งถ่ายด้วยกล้องติดตัว (bodycam) โดยในคลิปมีเสียงผู้ก่อเหตุตะโกนคำว่า “พระเจ้ายิ่งใหญ่ที่สุด” ด้วย

ด้านนายโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ระบุในแถลงการณ์ช่วงค่ำวันเสาร์ ต่อว่านายปูตินกับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ในมอสโกว่า เป็นคนชั้นต่ำ ที่เชื่อมโยงยูเครนเข้ากับเหตุกราดยิงในมอสโก พร้อมระบุว่า ผู้นำผู้น่าสังเวชของรัสเซียเป็นห่วงเรื่องการโจมตีกรุงเคียฟมากกว่าการรับรองความปลอดภัยของพลเมืองตัวเองเสียอีก

...

เซเลนสกีโจมตีกลับด้วยว่า มอสโกส่งผู้ก่อการร้ายของตัวเองหลายแสนคนมายังยูเครน นับตั้งแต่การรุกรานเต็มรูปแบบเริ่มขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2565 และตอนนี้คนกลุ่มนี้กำลังทำเรื่องโหดร้ายในยูเครน แทนที่จะปกป้องรัสเซียจากภัยคุกคามที่แท้จริงจากลัทธิสุดโต่ง

ทั้งนี้รัสเซียระบุว่า กลุ่มผู้ต้องสงสัยก่อเหตุกราดยิงงานคอนเสิร์ตถูกจับกุมตัวได้ที่แคว้นบรียานสก์ ขณะกำลังมุ่งหน้าทางตะวันตกไปยังยูเครน แต่นักวิเคราะห์ของสำนักข่าวบีบีซีมองว่า คนกลุ่มนี้น่าจะมุ่งหน้าไปยังเบลารุสมากกว่า เนื่องจากง่ายกว่าการต้องข้ามดงกับระเบิดบริเวณชายแดนเพื่อเข้าสู่ยูเครน.

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : bbc