• ไบเดน ชนะเลือกตั้งแบบไพรมารีที่รัฐมิชิแกนตามความคาดหมาย แต่ที่น่าตกใจคือ มีผู้โหวตไม่ยอมรับเขามากกว่า 100,000 โหวต จากความไม่พอใจในนโยบายตะวันออกกลางของเขา

  • มิชิแกน เป็นหนึ่งในรัฐสวิงสเตต ที่ศึกชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของเดโมเครตกับรีพับลิกันสูสีกันมาตลอด การเสียคะแนนถึง 100,000 โหวต อาจสร้างปัญหาให้ไบเดนได้

  • ปัญหาที่รัฐมิชิแกนอาจลามไปเกิดขึ้นที่รัฐสวิงสเตตอื่นๆ ด้วย แน่นอน ไบเดน มีเวลาถึง 8 เดือนในการหาทางออก แต่การแก้ปัญหาอาจอยู่นอกเหนืออำนาจการควบคุมของเขา

ผลการเลือกตั้งภายในแบบไพรมารีของพรรคเดโมแครตที่รัฐมิชิแกนเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา สร้างเซอร์ไพรส์ให้แก่ โจ ไบเดน กับทีมหาเสียงของเขาอย่างมาก เมื่อผู้ใช้สิทธิ์นับแสนคนเลือกโหวต ‘uncommitted’ หรือไม่ลงคะแนนเสียงให้ผู้สมัครคนใด แทนที่จะลงคะแนนเสียงให้เขา เพื่อประท้วงนโยบายสนับสนุนอิสราเอลของประธานาธิบดีผู้นี้

สิ่งที่เกิดขึ้นในมิชิแกนกำลังสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังเผชิญการต่อสู้ภายในฐานการเมือง และกลุ่มแนวร่วมของตัวเขาเอง ที่เขาต้องชนะใจกลับมาให้ได้ หากต้องการเอาชนะคู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็น นายโดนัลด์ ทรัมป์

รัฐมิชิแกน ถือเป็นหนึ่งในรัฐสำคัญของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายนนี้ และหากวันนั้นมาถึง แต่ผู้โหวตฝ่ายเดโมเครตในมิชิแกน หรือรัฐสวิงสเตตอื่นๆ ยังคงรู้สึกไม่ยอมรับ นายไบเดน อยู่แบบนี้ ก็อาจทำให้เขาต้องพ่ายแพ้ในการชิงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ สมัยที่ 2

แน่นอน ไบเดน มีเวลาถึง 8 เดือนในการบรรเทาปัญหาที่เขามีกับผู้โหวตชาวอาหรับอเมริกันในมิชิแกน และที่อื่นๆ แต่โอกาสที่เขาจะแก้ไขจุดอ่อนนี้ของตัวเองอาจขึ้นอยู่กับสิ่งที่อยู่นอกเหนืออำนาจการควบคุมของเขา ซึ่งได้แก่ การฟื้นฟูสันติภาพในตะวันออกกลาง และยุติปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในฉนวนกาซา

...

เกิดอะไรขึ้นที่มิชิแกน

ผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนในการเลือกตั้งไพรมารีของเดโมแครต สามารถกาช่อง uncommitted เพื่อไม่เลือกผู้สมัครรายใดที่พรรคเสนอมาเลยได้ โดยในปี 2555 ชาวเดโมเครตในมิชิแกนก็โหวตไม่ยอมรับ บารัค โอบามา ถึง 20,000 เสียง ทำให้เส้นทางไปสู่การป้องกันตำแหน่งประธานาธิบดีของเขาไม่ราบรื่นอย่างที่หวัง

แต่เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา (27 ก.พ. 2567) ไบเดน ได้รับข้อความเตือนจากผู้โหวตมิชิแกน แม้ว่า 81% จะโหวตยอมรับไบเดนเป็นตัวแทนพรรค แต่เขากลับได้คะแนนโหวต ‘uncommitted’ ถึง 101,000 โหวต หรือกว่า 13.2% ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น

การโหวต uncommitted มากมายขนาดนี้ในรัฐมิชิแกนเกิดขึ้นหลังจากกลุ่มชาวอาหรับอเมริกัน และกลุ่มหัวก้าวหน้า จัดแคมเปญต่อต้านนโยบายตะวันออกกลางของไบเดน เป็นสัญญาณชัดเจนที่สุดว่า สงครามในกาซากำลังส่งผลกระทบอย่างไรต่อพรรคเดโมแครต

ทีมหาเสียงของไบเดนออกแถลงการณ์ในนามประธานาธิบดีเมื่อกลางดึกวันอังคาร เกี่ยวกับชัยชนะที่รัฐมิชิแกน แต่กลับไม่พูดถึงการโหวตไม่เห็นชอบแม้แต่น้อย แต่หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง ที่ปรึกษาอาวุโสในทีมหาเสียงก็ต้องออกมาพูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นโดยตรง

“ประธานาธิบดีไบเดนมีจุดมุ่งหมายเดียวกับผู้ที่โหวตไม่ยอมรับหลายๆ คน ซึ่งก็คือการยุติความรุนแรง สร้างความยุติธรรม และสันติภาพอย่างยั่งยืน” ที่ปรึกษาอาวุโสในทีมหาเสียงของไบเดนกล่าว “นั่นคือสิ่งที่เขากำลังทำงานเพื่อให้บรรลุผล”

เรื่องน่าปวดหัวของไบเดน

สิ่งที่เกิดขึ้นในมิชิแกนกำลังแสดงให้เห็นความอ่อนแอของแรงดึงดูดในฐานะประธานาธิบดีของนายไบเดน และทำให้เกิดการตั้งคำถามเรื่องความเป็นหนึ่งเดียวภายในกลุ่มแนวร่วมของไบเดน และความกระตือรือร้นของกลุ่มผู้โหวตสำคัญของฝ่ายเดโมแครต ซึ่งรวมถึงผู้โหวตอายุน้อยกับกลุ่มหัวก้าวหน้า ซึ่งมีปฏิกิริยากับการเข่นฆ่าในกาซามากที่สุด

เมื่อปี 2559 โดนัลด์ ทรัมป์ สร้างความตกตะลึงด้วยการชนะ นางฮิลลารี คลินตัน ที่มิชิแกนด้วยคะแนนโหวตห่างกันเกือบ 11,000 โหวต ปูทางไปสู่การเลือกตั้งประธานาธิบดีที่วุ่นวายที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของสหรัฐฯ แต่ 4 ปีต่อมาได้สร้างกำแพงสีน้ำเงินขึ้นใหม่ได้อีกครั้ง และชนะคู่แข่งด้วยคะแนนห่างกว่า 150,000 โหวต

แต่ทุกสัญญาณกำลังบอกว่าการชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีในครั้งนี้จะสูสีกว่าเดิม จากความไม่เป็นที่นิยมกับความกังขาในความเป็นผู้นำของ ไบเดน หากผู้โหวต uncommitted นับแสนคนในวันอังคารที่ผ่านมา ไม่กลับไปหาไบเดน หรือไม่ออกมาใช้สิทธิ์ในเดือนพฤศจิกายน พวกเขาก็อาจส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อชะตากรรมของทำเนียบขาว

นอกจากนั้นยังมีคำถามตามมาด้วยว่า หากไบเดนเจรจาหยุดยิงได้สำเร็จ มันจะสามารถคลายความไม่พอใจของกลุ่มผู้โหวตที่โกรธแค้นในวันอังคารได้หรือไม่ หรือความขัดแย้งในตะวันออกกลางได้สร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ทางการเมืองของไบเดนอย่างไม่อาจย้อนคืนได้แล้ว?

ที่ผ่านมาไบเดนส่งทีมงานหาเสียง และผู้ช่วยจากทำเนียบขาวหลายคนไปยังมิชิแกน เพื่ออธิบายให้ผู้โหวตเข้าใจนโยบายอิสราเอลของเขา แต่ไม่เคยเดินทางไปด้วยตัวเอง เพื่อปลอบประโลมผู้โหวตชาวอาหรับอเมริกัน และอธิบายให้พวกเขาเข้าใจว่าเหตุใดเขาถึงไม่ประสบความสำเร็จในการลดขนาดการปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอล

สส.เดโมแครตหลายคน รวมถึง เดบบี ดิงเกลล์ จากรัฐมิชิแกน มองว่า ไบเดน ควรจับเข่าคุยกับชุมชนชาวอาหรับอเมริกัน เพราะพวกเขากำลังรู้สึกเจ็บปวดที่ต้องเห็นชาวปาเลสไตน์มากมายถูกเข่นฆ่า ขณะที่ นายโร คานนา สส.แคลิฟอร์เนีย ระบุว่า ผู้โหวตที่มิชิแกนกำลังส่งข้อความที่ไม่อาจมองข้ามได้ให้ไบเดน และเดโมเครตควรทำความเข้าใจกลุ่มแนวร่วมของตัวเองให้ดีกว่าที่เป็นอยู่

...

เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล
เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล

อุปสรรคทางการทูต

เป็นที่ชัดเจนว่า ไบเดน จำเป็นต้องลดผลสะท้อนที่เกิดจากนโยบายตะวันออกกลางของตัวเอง แต่จะเข้าไปแทรกแซงความขัดแย้งอย่างไรนั้น ยังคงคลุมเครือ

เมื่อวันจันทร์ ไบเดน ตกเป็นข่าวใหญ่ เมื่อจู่ๆ เขาก็ออกมาบอกว่า การบรรลุข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งจะทำให้ตัวประกันได้รับการปล่อยตัวมากขึ้น และทำให้พลเรือนรอดตายมากขึ้น อาจเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า ทั้งที่การเจรจาในตะวันออกกลางตลอดช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมายังไม่มีสัญญาณบ่งบอกว่าจะเป็นเช่นนั้น

หลังจากการเลือกตั้งในวันอังคาร ไบเดน ยิ่งจำเป็นต้องทำให้การต่อสู้ในกาซายุติลงโดยเร็ว และแสดงหลักฐานให้เห็นว่าความต้องการสร้างรัฐปาเลสไตน์ที่เขาพูดถึง ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวอเมริกันมุสลิมมากมายต้องการ ไม่ได้เป็นเพียงภาพลมปาก

แต่นักวิเคราะห์มากมายเชื่อว่า เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ผู้อยู่บนจุดสูงสุดของรัฐบาลผสมที่กำลังอยู่ในสภาพง่อนแง่น จะได้รับผลประโยชน์ทางการเมืองมากจากการขยายการต่อสู้กับกลุ่มฮามาสออกไป เพื่อเพิ่มโอกาสของตัวเองในการเลือกตั้งทั่วไป หลังผลโพลชี้ว่า เขาอาจแพ้ เนื่องจากการโจมตีครั้งใหญ่ของกลุ่มฮามาสเมื่อ 7 ต.ค. เกิดขึ้นในช่วงที่เขาดูแลประเทศอยู่

บางทีหากรัฐบาลเนทันยาฮูล่ม อาจเพิ่มโอกาสในการเลือกตั้งให้ไบเดน และลดความรุนแรงของสงครามกาซาลง แต่ทำเนียบขาวไม่มีวันพูดเรื่องนี้ออกมาตรง

“ประธานาธิบดีอเมริกันไม่สามารถพูดได้ว่า เขาต้องการให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีอิสราเอล” นายมิตช์ แลนดรู เจ้าหน้าที่ทีมหาเสียงของไบเดนบอกกับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น และเสริมว่า ชาวเดโมเครตในมิชิแกนกำลังเผยความคิดของตัวเองออกมาให้ไบเดนรู้ แต่เขาก็ยอมรับด้วยว่าประธานาธิบดีไม่สามารถควบคุมทุกอย่างของปัญหาที่เราไม่ใช่ผู้มีอำนาจควบคุมจริงๆ ได้

แน่นอนว่าการเลือกตั้งไพรมารีเพียงครั้งเดียวในเดือนกุมภาพันธ์ไม่สามารถบอกผลการเลือกตั้งทั่วไปได้ และเป็นไปไม่ได้ที่จะทำนายผลการเผชิญหน้ากันอีกครั้งระหว่างไบเดนกับโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีคะแนนนิยมในหมู่ผู้โหวตชาวอาหรับอเมริกันแย่กว่าไบเดนเสียอีก หลังจากเขาประกาศจะบังคับใช้คำสั่งห้ามชาวมุสลิมเข้าประเทศอีกครั้ง หากได้รับเลือกเป็นสมัยที่ 2

ทรัมป์ ยังมีเรื่องที่ต้องกังวลก่อนการเลือกตั้งทั่วไปจะมาถึง โดยนอกจากคดีความมากมายที่กำลังอยู่ในชั้นศาลแล้ว เขายังเหลือคู่แข่งชิงตำแหน่งตัวแทนพรรคอีกคนคือ น.ส.นิกกี เฮลีย์ แม้ว่าที่ผ่านมาทรัมป์จะชนะการเลือกตั้งภายในมาตลอด แต่เฮลีย์ก็มีผู้สนับสนุนไม่น้อย ซึ่งทีมหาเสียงของไบเดนอาจพยายามดึงคนกลุ่มนี้ที่ไม่ต้องการให้ทรัมป์เป็นประธานาธิบดี มาเป็นคะแนนเสียงให้ฝ่ายตัวเองด้วยก็เป็นได้.





ผู้เขียน : ทิตชนม์ สว่างศรี

ที่มา : cnn [1][2]

...