- ประธานาธิบดียูเครน ตัดสินใจปลดพลเอกวาเลรี ซาลุชนี ออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด แล้วแต่งตั้งพลเอกโอเลกซานเดอร์ ซีร์สกี เข้ารับตำแหน่งแทน
- นายพลซีร์สกีเป็นผู้ที่เดินบนเส้นทางสายทหารมาตั้งแต่เด็ก เป็นผู้มีประสบการณ์ รวมถึงสร้างผลงานในการรบเอาไว้หลายครั้ง รวบถึงการปกป้องกรุงเคียฟ และปฏิบัติการตอบโต้รัสเซีย
- แต่พลเอกซีร์สกี เข้ารับตำแหน่งในช่วงที่ยูเครนกำลังเผชิญความท้าทายหลายอย่าง ทั้งสถานการณ์ในแนวหน้าที่ไม่สู้ดี กระสุนและกำลังคนขาดแคลน ขณะที่ชาติตะวันตกก็กำลังมีปัญหาในการออกเงินช่วยเหลือก้อนใหม่
เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2567 เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดในกองทัพยูเครน นับตั้งแต่การต่อสู้กับรัสเซียอุบัติขึ้นในปี 2565 หลังประธานาธิบดีโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ตัดสินใจปลดพลเอกวาเลรี ซาลุชนี ออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด แล้วแต่งตั้งพลเอกโอเลกซานเดอร์ ซีร์สกี เข้ารับตำแหน่งแทน
การเลือกพลเอกซีร์สกีเป็น ผบ.ทสส.คนใหม่ ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ เนื่องจากเขามีทั้งประสบการณ์และความชำนาญ ที่สามารถแทนนายพลซาลุชนี ผู้ถูกยกย่องเป็นวีรบุรุษของประเทศได้ นอกจากนั้นเขายังสร้างผลงานใหญ่อย่างการปกป้องกรุงเคียฟในช่วงแรกของสงคราม และประสบความสำเร็จในการโจมตีตอบโต้รัสเซียที่คาร์คิฟด้วย
อย่างไรก็ตาม อดีตผู้บัญชาการกองทัพบกนายนี้ ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายอย่าง ทั้งสงครามที่กำลังใกล้เข้าสู่ปีที่ 3, ขวัญกำลังใจที่ตกต่ำ, การขาดแคลนเครื่องกระสุนกับกำลังคนของกองทัพ และที่ใหญ่ที่สุดคือ การรักษาแรงสนับสนุนจากชาติตะวันตก ที่นับวันจะยากขึ้นทุกที
...
ซีร์สกีผู้เดินบนเส้นทางสายทหารตั้งแต่เด็ก
ซีร์สกีเกิดเมื่อ 26 ก.ค. 2508 ที่หมู่บ้านโนวีกี ในแคว้นวลาดิเมียร์ในสมัยที่ยังเป็นของสหภาพโซเวียต ห่างจากกรุงมอสโกไปทางเหนือราว 130 กม. พออายุ 15 เขาย้ายไปยูเครนและอาศัยอยู่ที่นั่นเรื่อยมา
ซีร์สกีเดินบนเส้นทางสายทหารมาตลอดชีวิต เขาจบการศึกษาจาก Moscow Higher Combined Arms Command School ซึ่งเป็นสถาบันศึกษาวิชาทหารขั้นสูงในกรุงมอสโก ก่อนจะเข้าร่วมกองทัพของสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตยูเครน และหลังจากที่ยูเครนได้รับเอกราช เขาก็เข้าร่วมกับกองกำลังพิทักษ์ชาติและกองทัพยูเครน
ในปี 2539 ซีร์สกีเรียนจบจากวิทยาลัยกองทัพยูเครน และจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยการป้องกันชาติในกรุงเคียฟในปี 2548 พอถึงปี 2556 ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งความสงบสุขปีสุดท้ายของยูเครน ซีร์สกีก็ได้รับตำแหน่งพลตรีของกองทัพ และรองผู้บัญชาการกองทัพแห่งศูนย์บัญชาการหลัก รับผิดชอบเรื่องการประสานความร่วมมือกับนาโต
เมื่อเกิดการลุกฮือของกลุ่มกบฏฝักฝ่ายรัสเซียในภูมิภาคดอนบาส ทางตะวันออกของยูเครนในปี 2557 ซีร์สกีได้รับแต่งตั้งเป็นรองผู้บัญชาการปฏิบัติการป้องกันยูเครน ซึ่งรู้จักกันในชื่อ “ปฏิบัติการต่อต้านผู้ก่อการร้าย” (ATO) และ 3 ปีต่อมา เขาก็ได้รับช่วงต่อเป็นผู้บัญชาการปฏิบัติการ
ช่วงปีแรกหลังเกิดการก่อกบฏ ที่ว่ากันว่ารัสเซียเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง นายพลซีร์สกีมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการต่อสู้ที่เมือง เดบัลต์เวฟ, วูห์เลฮีสก์ และหมู่บ้าน ริดโคดับ กับ โลห์วินนอฟ ในแคว้นโดเนตสก์ และร่วมประสานงานในการถอนทหารยูเครนจากเมืองเดบัลต์เซฟที่เกือบถูกปิดล้อมในปี 2558 จนได้รับเหรียญกล้าหาญ
ในเดือนสิงหาคม 2562 ซีร์สกีก็ได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพบก และดำรงตำแหน่งนั้นเรื่อยมาจนกระทั่งรัสเซียเปิดฉากบุกโจมตีเต็มรูปแบกในวันที่ 24 ก.พ. 2565
สร้างผลงานในสงครามกับรัสเซีย
ในช่วงเริ่มต้นของสงคราม ซีร์สกีรับผิดชอบในการปกป้องกรุงเคียฟ โดยในตอนนั้นมีรายงานมากมายว่ารัสเซียตั้งใจจะยึดเมืองหลวงแห่งนี้ได้ให้ภายใน 3 วัน แต่กองทัพมอสโกกลับเสียหายอย่างหนักและต้องล่าถอยออกไป หลังต่อสู้อย่างดุเดือดกับกองทัพยูเครนนานเกือบ 1 เดือน
ตามรายงานของสำนักข่าว วอชิงตัน โพสต์ ซีร์สกีแบ่งเมืองหลวงและพื้นที่โดยรอบออกเป็นส่วนๆ แล้วมอบหมายให้นายพลจากศูนย์ฝึกต่างๆ จัดตั้งกองพันพิเศษชั่วคราว แล้วไปประจำการในแต่ละพื้นที่ สร้างสายบัญชาการที่ชัดเจน ทำให้เจ้าหน้าที่ภาคพื้นสามารถตอบสนองได้ทันทีโดยไม่ต้องรอคำสั่งจากส่วนกลาง และส่งระบบปืนใหญ่ที่ปกติจะใช้ในการฝึกซ้อมไปยังกรุงเคียฟด้วย
ซีร์สกียังเป็นผู้บัญชาการปฏิบัติการโต้กลับสายฟ้าแลบของยูเครนที่แคว้นคาร์คิฟ ในช่วงปลายปี 2565 และสามารถปลดปล่อยเมือง บาลาคลียา, คูเปียนสก์ และอื่นๆ จากการยึดครองจากรัสเซียได้สำเร็จ สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลก เพราะไม่มีใครคาดคิดว่ายูเครนจะทำได้ขนาดนี้
ในปี 2566 ซีร์สกีเป็นผู้บัญชาการกองทัพภาคตะวันออก ต่อสู้ในสมรภูมิที่ดุเดือดที่สุดในพื้นที่แนวหน้า รวมถึงที่เมืองบักห์มุต ในแคว้นโดเนตสก์ โดยหลังจากปะทะกันมานานกว่า 10 เดือนและเสียหายหนักทั้ง 2 ฝ่าย สุดท้ายรัสเซียก็ยึดเมืองแห่งนี้ไปได้ในเดือนพฤษภาคม 2566 ซึ่งยูเครนก็เริ่มปฏิบัติการยึดบักห์มุตคืนทันที แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่สำเร็จ
นับตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน 2566 กองกำลังคอร์ตีเซีย (Khortytsia) ภายใต้การนำของพลเอกซีร์สกี ต่อสู้กับกองทัพรัสเซียใกล้เมืองคูเปียนสก์ และลีมาน ในแคว้นคาร์คิฟมาตลอด โดยยูเครนตกเป็นฝ่ายตั้งรับ เนื่องจากรัสเซียโหมโจมตีอย่างหนัก
...
เผือกร้อนของซีร์สกี
การปลดพลเอกซาลุชนี เจ้าของฉายา ‘เสือดาวหิมะ’ ผู้ได้รับการยกย่องเป็นวีรบุรุษของชาติ ออกจากตำแหน่ง ผบ.ทสส. ในช่วงที่กองทัพยูเครนกำลังตกเป็นฝ่ายตั้งรับในพื้นที่แนวหน้าหลายสมรภูมิ และการโจมตีโต้กลับไม่คืบหน้าอย่างที่หวังนั้น ถือเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ของประธานาธิบดี เซเลนสกี และผู้ที่ต้องรับเผือกร้อนก็คือนายพลซีร์สกี ในวัย 58 ปี
ความท้าทายแรกที่พลเอกซีร์สกีจะต้องเผชิญคือ เรื่องความคาดหวัง เนื่องจากนายพลซาลุชนีได้รับความเคารพและเชื่อมั่นอย่างสูงจากทั้งในกองทัพและจากสังคม ถึงแม้ว่าเซเลนสกีจะอ้างว่า นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อเติมพลังงานให้กองทัพ หลังจากสงครามผ่านมา 2 ปี แต่ทหารและอาสาสมัครบางคนก็ไม่พอใจการแต่งตั้ง นายพลผู้ชอบใช้แผนโจมตีที่ทหารต้องตกอยู่ในความเสี่ยงมาก และมีบทลงโทษทางวินัยสุดโหดจนได้ฉายาว่า ‘butcher’ หรือ ‘จอมสับ’ รายนี้
ขณะเดียวกัน ฝ่ายกองทัพกับผู้นำฝ่ายการเมืองยังมีความเห็นไม่ตรงกันเรื่องวิธีการเติมกำลังทหาร พลเอกซาลุชนีเรียกร้องให้เซเลนสกีเกณฑ์ทหารเพิ่ม 500,000 นาย แต่ผู้นำยูเครนปฏิเสธและเสนอให้ใช้วิธีหมุนเวียนตำแหน่งแทน ซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป แต่การแต่งตั้งนายพลซีร์สกี ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับฝ่ายรัฐบาล อาจช่วยให้เรื่องนี้คลี่คลายลงได้
ในส่วนของแนวหน้าการปะทะ ปฏิบัติการโต้กลับครั้งที่ 2 ของกองทัพยูเครนล้มเหลวในการทะลวงฝ่าแนวป้องกันของรัสเซีย ขณะที่การป้องกันแนวหน้าที่ยืดยาวกว่า 1,000 กม. ก็เป็นเรื่องยาก ท่ามกลางการโจมตีของรัสเซียในเมืองทางตะวันออกอย่าง อาฟดิฟกา และคูเปียนสก์ ซึ่งซีร์สกีต้องเข้ามารับช่วงดูแลทั้งหมด
อุปสรรคอีกอย่างคือศึกชิงน่านฟ้า เซเลนสกีกำหนดให้การชิงการควบคุมน่านฟ้ากลับมาเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในปีนี้ หลังพวกเขาต้องเผชิญการโจมตีด้วยโดรนและมิสไซล์ของรัสเซียระลอกแล้วระลอกเล่า แม้ยูเครนจะได้รับระบบป้องกันทางอากาศจากชาติตะวันตก แต่กลับเกิดปัญหาขาดแคลนกระสุนที่ยังแก้ไม่ได้
นายพลซีร์สกีต้องเป็นผู้ตัดสินใจว่า จะใช้อาวุธเหล่านี้ในการป้องหรือโจมตีกองกำลังทางอากาศของมอสโกในดินแดนรัสเซีย หรือที่ทะเลดำ เพื่อเปิดทางให้เครื่องบินรบ F-16 จากชาติตะวันตก ที่คาดกันว่ายูเครนจะเริ่มได้รับในปีนี้
แต่ปัญหาใหญ่ที่สุดที่อาจกระทบต่อความอยู่รอดของยูเครน คือความช่วยเหลือต่างๆ จากชาติตะวันตก โดยพันธมิตรหลังของเคียฟอย่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป กำลังเผชิญแรงต้านภายในกับการออกแพ็กเกจช่วยเหลือก้อนใหม่แก่ยูเครน
เมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ EU เพิ่งคลายล็อกออกเงินช่วยเหลือยูเครนมูลค่า 5 หมื่นล้านยูโรได้สำเร็จ แต่วุฒิสมาชิกของสหรัฐฯ เพิ่งเคลียร์ด่านแรกในการออกแพ็กเกจช่วยเหลือได้เท่านั้น ท่ามกลางภาวะชะงักงันทางการเมืองในสหรัฐฯ สวนทางกับรัสเซียที่สามารถใช้เศรษฐกิจของประเทศเป็นฐานที่มั่นของสงคราม ยกระดับการผลิต และเกณฑ์ทหารมากขึ้นได้
ผู้เขียน : ทิตชนม์ สว่างศรี
ที่มา : kyivindependent , france24
...