กองทัพอิสราเอลโจมตีทางอากาศเข้าใส่ฉนวนกาซาอีกครั้งในวันศุกร์ แม้ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ เพิ่งวิจารณ์ปฏิบัติการตอบโต้กลุ่มฮามาสของอิสราเอลว่า เป็นการทำเกินไป

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า อิสราเอลโจมตีทางอากาศเข้าใส่ฉนวนกาซาอีกระลอกในวันศุกร์ที่ 9 ก.พ. 2567 ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ออกมาตำหนิ ปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลเพื่อตอบโต้การโจมตีของกลุ่มฮามาสเมื่อ 7 ต.ค. ว่า “ทำเกินไป”

อิสราเอลทิ้งระเบิดโจมตีกาซาอย่างต่อเนื่องในขณะที่นักการทูตพยายามเจรจาข้อตกลงหยุดยิงกับกลุ่มฮามาส หลังนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ปฏิเสธเงื่อนไขที่ฮามาสเสนอมา เพื่อแล้วกับการหยุดยิงและปล่อยตัวประกันที่ถูกพวกเขาจับเอาไว้มานานร่วม 4 เดือนแล้ว

ขณะที่สหรัฐฯ คาดหวังว่าข้อตกลงจะบรรลุได้ก่อนที่อิสราเอลจะเริ่มปฏิบัติการโจมตีภาคพื้นดินในเมืองราฟาห์ ทางตอนใต้ของฉนวนกาซาตามที่ประกาศเอาไว้ โดยเมืองติดชายแดนอียิปต์แห่งนี้ มีคนกว่าครึ่งของประชากรฉนวนกาซา 2.3 ล้านคนอพยพเข้าไปอยู่เพื่อหนีภัยสงคราม

หน่วยงานสาธารณสุขปาเลสไตน์รายงานว่า การโจมตีทางอากาศครั้งล่าสุดของอิสราเอลทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 15 ศพ โดย 8 ศพในจำนวนนี้อยู่ในเมืองราฟาห์

ขณะที่นาย ซาเลม เอล-เรย์เยส นักข่าวอิสระชาวปาเลสไตน์ ผู้อาศัยอยู่ในแคมป์ผู้อพยพอ้างว่า มีเด็กหลายคนเสียชีวิต หลังมิสไซล์ของอิสราเอล ตกใส่บ้านของพวกเขาเมื่อช่วงเช้ามืด ร่างของผู้เสียชีวิตกระเด็นออกจากชั้น 3 ของอาคารตกลงมาบนรถที่จอดอยู่ใกล้ๆ

ทั้งนี้ การโจมตีของอิสราเอลเกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากสหรัฐฯ เตือนเมื่อวันพฤหัสบดีว่า การโจมตีใดๆ ต่อเมมืองราฟาห์ โดยไม่คำนึงถึงพลเรือนจำนวนมากที่อยู่ที่นั่น อาจทำให้เกิดหายนะ และพวกเขาไม่สนับสนุนเรื่องนี้

...

การโจมตีฉนวนกาซาของอิสราเอลตลอดช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วถึง 27,947 ศพ บาดเจ็บอีก 67,459 รายทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเรื่องความโหดร้าย แม้แต่ชาติมหามิตรของพวกเขาอย่างสหรัฐฯ ที่เคยให้ความช่วยเหลือมาตลอด ก็ยังต้องออกมาเตือนให้อิสราเอลลดขอบเขตการโจมตีลง

เมื่อวันพฤหัสบดี ไบเดนวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเนทันยาฮูอย่างรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งนับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น โดยเขาบอกกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า “อย่างที่คุณรู้ ผมคิดว่าการตอบโต้ (ของอิสราเอล) ในฉนวนกาซานั้น รุนแรงเกินไป”

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : cna