- สิงคโปร์พบผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้นกว่า 20,000 ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางรัฐบาลประกาศขอความร่วมมือประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง สวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ และหลีกเลี่ยงการรวมตัวในที่คนพลุกพล่าน
- หลายประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างอินโดนีเซีย และมาเลเซีย เริ่มกลับมาใช้มาตรการคัดกรองนักเดินทางตามสนามบิน และด่านคนเข้าเมืองต่างๆ หวั่นตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองส่งท้ายปลายปี
- จีนยืนยันว่าอัตราการพบผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศยังต่ำ และยืนยันว่าไม่พบเชื้อไวรัสสายพันธุ์แปลกประหลาดที่ไม่รู้จักมาก่อน หลังจากที่มีผู้ป่วยปอดอักเสบติดเชื้อเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนที่ผ่านมา
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในหลายประเทศแถบเอเชีย เริ่มทำให้เกิดความวิตกมากขึ้น โดยการติดเชื้อ ทั้งติดใหม่ และติดซ้ำ มีมากขึ้นชัดเจนในช่วงปลายปีนี้ ขณะที่พบสายพันธุ์ย่อย BA.2.86.x มาแทนที่สายพันธุ์เดิมที่ระบาดเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง JN.1 ซึ่งก็คือสายพันธุ์ BA.2.86.1.1 ที่กลายพันธุ์ต่อยอดออกมานั่นเอง โดยเกิดการเปลี่ยนกรดอะมิโนที่ตำแหน่ง L455S ทำให้ดื้อต่อภูมิคุ้มกันอย่างมาก จนทำให้การแพร่ระบาดเป็นไปมากขึ้น

...
สิงคโปร์วอนประชาชนสวมหน้ากากอนามัย หลังยอดป่วยโควิดพุ่ง
หลังจากพบว่าจำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศสิงคโปร์ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางกระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์ ได้ออกมาประกาศขอความร่วมมือประชาชนให้กลับมาสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในสถานที่สาธารณะ สถานที่ที่มีฝูงชนรวมตัวกันหนาแน่น โดยเฉพาะในสถานที่ปิด หรือการไปพบปะกับกลุ่มคนเปราะบาง
กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์ เปิดเผยข้อมูลที่ระบุว่า ช่วงตั้งแต่วันที่ 3-9 ธันวาคม สิงคโปร์มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 56,043 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้น 75% เมื่อเทียบกับยอดผู้ติดเชื้อรวม 32,035 ราย ในสัปดาห์ก่อนหน้า โดยผู้ป่วยโควิดส่วนใหญ่ พบว่าติดเชื้อสายพันธุ์ย่อย JN.1 ซึ่งกลายพันธุ์มาจากสายพันธุ์ BA.2.86.
ขณะเดียวกันผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลโดยเฉลี่ย เพิ่มขึ้นจากจำนวน 225 ราย เป็น 350 ราย และมีผู้ที่ต้องพักรักษาตัวในห้องไอซียู ขยับเพิ่มขึ้นจากวันละ 4 ราย เป็น 9 ราย
กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ ระบุว่า อย่างไรก็ตาม หากอ้างอิงจากข้อมูลระหว่างประเทศและท้องถิ่นที่มีอยู่ ขณะนี้ยังไม่มีข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนว่าโควิดสายพันธุ์ BA.2.86 หรือ JN.1 สามารถแพร่เชื้อได้ หรือทำให้เกิดโรคที่รุนแรงกว่าเชื้อกลายพันธุ์ที่แพร่กระจายอื่นๆ

หลายชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลับมาใช้มาตรการคัดกรองที่สนามบิน
การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่งผลให้อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และมาเลเซีย เริ่มการคัดกรองผู้เดินทางที่สนามบินอีกครั้ง โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลอินโดนีเซียได้ติดตั้งเครื่องสแกนอุณหภูมิร่างกาย ที่สนามบินนานาชาติในกรุงจาการ์ตา และเส้นทางเรือข้ามฟากสายหลัก
ขณะเดียวกันสำนักงานสาธารณสุขท่าเรือบาหลี ยังได้ดำเนินการตรวจวัดอุณหภูมิที่จุดเข้าชายแดน 3 จุด ได้แก่ ท่าเรือเบนัว เซลัค บาวัง และสนามบินนานาชาติอิกุสตี งูระห์ไร และขอให้นักเดินทางสวมหน้ากากอนามัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากรู้สึกว่ามีอาการป่วย ไม่สบาย โดยหากนักท่องเที่ยว หรือชาวต่างชาติมีผลการทดสอบเป็นบวกสำหรับโรคโควิด-19 เมื่อมาถึง พวกเขาจะถูกกักตัวทันทีในสถานพยาบาลที่กำหนด หรือโรงพยาบาลรับส่งต่อในบาหลี ตามหนังสือเวียนที่ออกโดยกระทรวงสาธารณสุขในสัปดาห์นี้
หน่วยงานด้านสุขภาพของอินโดนีเซียยังได้เรียกร้องให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย ให้แน่ใจว่าพวกเขาได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วน และเลื่อนการเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีรายงานว่ามีผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกัน เว็บไซต์ข่าวสเตรทไทม์ส ของมาเลเซีย รายงานว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในมาเลเซีย เพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าในช่วงเวลาเพียง 1 สัปดาห์ โดยเพิ่มขึ้นจาก 6,796 ราย เมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน เป็นเกือบ 13,000 ราย ภายในวันที่ 9 ธันวาคม
โดย นายซูลเคฟลาย อาหมัด รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของมาเลเซีย แนะนำว่า ประชาชนควรสวมหน้ากากอนามัย และรับวัคซีนโควิด-19 เพิ่มเติม โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ หรือมีโรคประจำตัว

...
อินเดียพบโควิด-19 สายพันธุ์ย่อยตัวใหม่
นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ที่อาจแพร่เชื้อได้มากกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้า ขณะที่ล่าสุด กระทรวงสาธารณสุขของอินเดีย แถลงว่า เพิ่งตรวจพบไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ย่อย JN.1 ของสายพันธุ์ย่อย BA.2.86 ในเมืองคารากุราม เขตธีรุวานันทปุรัม ในรัฐเกรละ ทางตอนใต้ของประเทศ
แพทย์ระบุว่า ตรวจพบผู้ป่วยรายนี้ในกลุ่มตัวอย่างที่มีผลการตรวจแบบ RT-PCR เป็นบวก เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม โดยผู้ป่วยรายนี้ เป็นหญิงชราวัย 79 ปี มีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ และปัจจุบันหายป่วยจากโรคโควิด-19 แล้ว
ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข ระบุว่า การเปิดเผยของอินเดีย นับเป็นการส่งสัญญาณเตือนภัยในแวดวงสาธารณสุขทั่วโลก
สำนักข่าว ANI ของอินเดีย รายงานอ้างคำเปิดเผยของ นายแพทย์อุชวาล ปรากาศ ที่ปรึกษาอาวุโสด้านเวชศาสตร์ทรวงอก ที่โรงพยาบาลคงคาราม ในกรุงนิวเลีเดลี ซึ่งระบุว่า การค้นพบสายพันธุ์ย่อยนี้ในอินเดีย ทำให้พบว่าการเฝ้าระวังจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องให้ผู้คนตื่นตระหนก โดยทุกคนจะต้องระมัดระวังให้มากขึ้น แต่ยังไม่มีเหตุผลที่จะต้องตื่นตระหนก หรือทำอะไรเป็นพิเศษ นอกจากการระมัดระวัง
สำหรับผู้ป่วยจะมีอาการไข้ น้ำมูกไหล เจ็บคอ ปวดศีรษะ และในบางกรณีจะมีปัญหาทางเดินอาหารเล็กน้อย ถือเป็นอาการหนึ่งที่ได้รับการบันทึกไว้ในผู้ป่วยจนถึงตอนนี้ แพทย์เสริมว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการทางเดินหายใจส่วนบนเล็กน้อย ซึ่งโดยทั่วไปจะดีขึ้นภายใน 4-5 วัน โดยในบางราย ผู้ป่วยอาจมีอาการบางอย่างรุนแรงกว่าคนอื่นๆ แต่การติดเชื้อก็เหมือนกับการติดเชื้อไวรัสอื่นๆ ไม่มากก็น้อย

...
จีนยังมีอัตราติดเชื้อรายใหม่ต่ำ ย้ำ ไม่พบไวรัสสายพันธุ์ประหลาด
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโรคโควิด-19 ในจีน ล่าสุด ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบาดของจีน ออกมาแถลงว่า ขณะนี้การพบผู้ติดโควิด-19 รายใหม่ ยังอยู่ในอัตราที่ต่ำ แม้ว่าจะมีการรายงานกรณีการติดเชื้อสายพันธุ์ย่อย JN.1 ในหลายประเทศทั่วโลกก็ตาม ขณะเดียวกัน พบว่าความเสี่ยงด้านสาธารณสุขของจีนก็ยังอยู่ในระดับต่ำ
นางฉาง จ้าวรุ่ย นักวิจัยของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบาดของจีน ระบุว่า ตัวแปรย่อยสำหรับโรคโควิด-19 JN.1 เป็นสายพันธุ์ย่อยของสายพันธุ์ย่อย Omicron BA.2.86 โดยจากการวิเคราะห์ผลการตรวจสอบทั่วโลกแสดงให้เห็นว่าตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา การแพร่กระจายของสายพันธุ์ BA.2.86 โดยเฉพาะสายพันธุ์ย่อย JN.1 ได้เร่งตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และได้กลายเป็นหนึ่งในตัวแปรที่โดดเด่นในบางประเทศ
โดยเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน องค์การอนามัยโลก ได้กำหนดว่า โควิดสายพันธุ์ย่อย BA.2.86 ยกระดับจากจากตัวแปรภายใต้ที่เฝ้า (variant under monitoring -VUM) มาเป็นตัวแปรที่น่าสนใจ (variant of interest-VOI) อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงของการติดเชื้อรุนแรงทางคลินิกยังได้รับการประเมินว่าต่ำ และความเสี่ยงด้านสาธารณสุขโดยรวมได้รับการประเมินว่าต่ำเช่นกัน
นอกจากนี้ ทางการจีนระบุว่า ผลการติดตามสายพันธุ์โควิด-19 ของจีน ยังแสดงให้เห็นว่านับตั้งแต่มีรายงานกรณีการกลายพันธุ์ของสายพันธุ์ BA.2.86 จากต่างประเทศ ครั้งแรกเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม พบผู้ติดเชื้อจำนวน 160 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยจากต่างประเทศ 148 ราย และผู้ป่วยในพื้นที่ 12 ราย และไม่พบผู้ป่วยรุนแรงถึงขั้นวิกฤติ
จีน ระบุว่า ในปัจจุบันสัดส่วนของการติดเชื้อ BA.2.86 และอื่นๆ ในจีนนั้นต่ำมาก แต่สัดส่วนของผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน และแนวโน้มการเติบโตก็ค่อยๆ มาบรรจบกับตัวเลขของระดับโลก ขณะเดียวกัน หลังจากทำการวิจัยและวิเคราะห์ ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าการติดเชื้อ COVID-19 ในประเทศจีนอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ นอกจากนี้ จนถึงปัจจุบัน ยังไม่พบไวรัสและแบคทีเรียใหม่ๆ ในการเฝ้าระวังเชื้อโรคของโรคระบบทางเดินหายใจในจีน.
...