- นักวิทยาศาสตร์เผยข้อมูลรายงานการวิจัยฉบับใหม่ ที่พบว่าปัญหาโลกร้อนหากไม่รีบดำเนินการแก้ไข จะนำไปสู่การเสียชีวิตของประชากรโลกจากคลื่นความร้อนเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า
- รายงานฉบับนี้ได้รับการเผยแพร่ก่อนการประชุมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศครั้งที่ 28 ของสหประชาชาติ ในนครดูไบ ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่กำลังมีการหารือถึงผลกระทบด้านสุขภาพจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และจะอุทิศเวลาหนึ่งวันให้กับผลกระทบด้านสุขภาพจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
วารสารด้านสุขภาพ The Lancet เผยแพร่รายงานประจำปีที่มีชื่อว่า Countdown โดยปีนี้มีเนื้อหาที่ระบุว่า การต่อสู้ของมนุษยชาติเพื่อควบคุมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังล้มเหลว โดยพบว่าผู้คนในหลายประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุล้มป่วยบ่อย อาการป่วยหนักขึ้น และเสียชีวิตจากสภาพอากาศแปรปรวนและคลื่นความร้อนมากขึ้น และคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่รัฐบาลประเทศต่างๆ ยังไม่ดำเนินการแก้ปัญหาโลกร้อนอย่างจริงจัง และยังคงสนับสนุนทางอุตสาหกรรมการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงฟอสซิล
รายงานฉบับนี้จัดทำขึ้นจากข้อมูลของทีมแพทย์ นักวิทยาศาสตร์ และนักเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก ติดตามผลการตรวจวัด 47 รายการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการตรวจสุขภาพภายนอก เพื่อวินิจฉัยอาการป่วย โดยเน้นไปยังภัยอันตรายที่เกิดจากอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลโดยตรง
ตามรายงานระบุว่า ในขณะที่โลกของเรายังคงปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 1,337 ตันทุกๆ วินาที และเราไม่ได้มีนโยบายลดการปล่อยก๊าซเร็วพอที่จะรักษาอันตรายจากสภาพภูมิอากาศให้อยู่ในระดับที่ระบบสุขภาพของเราสามารถรับมือได้ อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่า ยังไม่แน่ชัดว่าอันตรายจากสภาพอากาศที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นหรือไม่
...
ดร.มารีนา โรมาเนลโล ผู้เขียนจากมหาวิทยาลัยลอนดอน ในอังกฤษ กล่าวว่า การเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นมีสาเหตุมาจากโภชนาการที่ไม่ดี การติดเชื้อปรสิตที่เพิ่มขึ้น และโรคระบบทางเดินหายใจ ซึ่งมีสาเหตุโดยตรงจากสภาพอากาศที่ร้อนขึ้น
ดร.โรมาเนลโล ระบุว่า การเสียชีวิตจากความร้อนของผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มอายุที่มีความเสี่ยงสูง ได้เพิ่มขึ้น 85% นับตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 90 เพียงอย่างเดียว และตอนนี้เรารู้แล้วว่าการเพิ่มขึ้นมากกว่าครึ่งหนึ่งจะไม่เกิดขึ้นหากอุณหภูมิไม่เพิ่มขึ้น ดังนั้นเราจึงรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้เกิดเรื่องทั้งหมดนี้ในวันนี้ เรายังเห็นตัวอย่างอีกด้วยว่าความไม่มั่นคงด้านอาหารกำลังเพิ่มสูงขึ้น ภาวะโภชนาการตกอยู่ในความเสี่ยง และเรารู้ว่าภาวะทุพโภชนาการมีผลกระทบถาวรโดยเฉพาะกับเด็ก

ทางด้าน ดร.ไฮเม มาร์ติเนซ เออร์ตาซา ศาสตราจารย์ภาควิชาพันธุศาสตร์และจุลชีววิทยา จากมหาวิทยาลัยอิสระ แห่งนครบาร์เซโลนา ระบุว่า สเปนเป็นหนึ่งในประเทศยุโรปตอนใต้ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากคลื่นความร้อนในปีนี้ และถึงเวลาแล้วที่จะต้องพัฒนาวิธีแก้ปัญหาเชิงปฏิบัติ เนื่องจากการทำลายล้างที่เพิ่มขึ้นจากเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว กำลังเป็นอันตรายต่อความมั่นคงทางน้ำและการผลิตอาหาร
ขณะเดียวกัน ดร.เออร์ตาซา กล่าวว่า ยังมีความกังวลอย่างมากว่าคลื่นความร้อน สภาพอากาศร้อนยาวนานผิดปกติ จะนำไปสู่การติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากภาวะโลกร้อนมีความเชื่อมโยงกับความเค็มที่ลดลง เพราะฝนตกหนักบ่อยครั้ง ทำให้น้ำฝนไหลลงสู่ทะเลและความเค็มลดลง และส่วนประกอบทั้งสองนี้ส่งเสริมสภาวะที่เอื้ออำนวยต่อแบคทีเรียก่อโรคในมนุษย์ในสกุล Vibrio ซึ่งเป็นเชื้อโรคที่สำคัญมาก เช่น ไวบริโอ-อหิวาต์ อันเป็นสาเหตุของอหิวาตกโรค และเชื้อ Vibrio-parahaemolyticus ซึ่งเป็นสาเหตุของกระเพาะและลำไส้อักเสบ
รายงานของ The Lancet ตั้งข้อสังเกตว่า ปัญหาโลกร้อน ความเค็มในน้ำทะเลลดลง ทำให้เกิดภัยคุกคามสูงเป็นพิเศษในยุโรป เมื่อน่านน้ำชายฝั่งที่เหมาะกับเชื้อโรคสกุล Vibrio ขยายพื้นที่เพิ่มขึ้น 142 กิโลเมตรในทุกๆ ปี
นอกจากนี้ ผลการศึกษายังระบุว่า ขณะนี้โลกมีแนวโน้มว่าอุณหภูมิจะเพิ่มขึ้น 2.7 องศาเซลเซียส ภายในปี ค.ศ. 2100 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกี่ยวข้องกับพลังงานพุ่งแตะระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ในปี ค.ศ. 2022 ทำให้ชีวิตของคนรุ่นปัจจุบันและอนาคตจึงแขวนอยู่บนความสมดุล
ขณะเดียวกัน นายฮูลิโอ ดิแอซ ไฮเมเนซ ศาสตราจารย์ด้านการวิจัยของ National School of Health ที่สถาบันสุขภาพคาร์ลอสที่ 3 กล่าวว่า ขั้นตอนแรกในการแก้ไขปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ คือ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงอย่างมาก
แต่กลายเป็นว่าที่ผ่านมาปัญหานี้กำลังถูกเตะไปมาราวกับการแข่งขันฟุตบอลทางการเมือง มากกว่าความพยายามที่จะจัดการกับความเสี่ยงต่อสุขภาพ ทั้งที่มีประชาชนเข้ารับการรักษาฉุกเฉิน 14,000 ครั้งต่อปี ในจำนวนนี้เกี่ยวกับคุณภาพอากาศ 8,000 ครั้ง และอีก 6,000 ครั้ง เกี่ยวกับปัญหาสำหรับเสียงรบกวน
...
รายงานฉบับนี้ยังชี้ให้เห็นว่า การเปลี่ยนมารับประทานอาหารคาร์บอนต่ำที่ดีต่อสุขภาพ สามารถป้องกันการเสียชีวิตได้มากถึง 12 ล้านคน ในขณะเดียวกันยังสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซทางการเกษตร จากการผลิตนมและเนื้อแดงได้ถึง 57 อย่างไรก็ตาม ประชากรที่มีรายได้น้อยยังคงไม่สามารถเข้าถึงอาหารคาร์บอนต่ำและอาหารสุขภาพที่มีราคาแพงกว่า

นักวิทยาศาสตร์เตือนว่า สิ่งสำคัญตอนนี้คือการที่รัฐบาลประเทศต่างๆ จะหาแนวทางรับมือกับผลกระทบคลื่นความร้อน อาทิ เตรียมที่พักพิงด้านสภาพอากาศ อย่างที่เคยมีการจัดตั้งขึ้นเมื่อฤดูร้อนที่แล้ว ในนครบาร์เซโลนา ของสเปน ขณะเดียวกันก็ต้องลดการทำงานกลางแจ้งในอุณหภูมิสูง และเร่งหาทางรับมือการเกิดไฟป่า
โดยแนะว่า รัฐบาลจำเป็นต้องปรับเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรับมือกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งในกรณีที่อุณหภูมิสูง เราจะเห็นว่าสเปนกำลังปรับตัวเข้ากับอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้น อุณหภูมิสูงสุดรายวัน ซึ่งสเปนในฤดูร้อนเพิ่มขึ้นในอัตรา 0.4 องศาต่อทศวรรษ แต่อุณหภูมิที่ผู้คนเริ่มเสียชีวิตจากคลื่นความร้อนกลับเพิ่มขึ้นที่ 0.6 โดยในพื้นที่ประชากรอยู่อาศัยเป็นคนร่ำรวย ผลกระทบของความร้อนจะน้อยลง หรือในทางกลับกัน ในสถานที่อยู่อาศัยของคนยากจน ผลกระทบของความร้อนจะยิ่งใหญ่กว่า.
...