สถานการณ์ความขัดแย้งใน “เมียนมา” กลาย เป็นประเด็นสำคัญที่ต้องจับตา หลังมีความเป็น ไปได้ที่กองทัพเมียนมาจะเพลี่ยงพล้ำจนทำให้ต้องสูญเสียอำนาจการปกครองในบางรัฐ

โดยจุดที่กำลังมีการปะทะอย่างหนักหน่วง ณ เพลานี้ คือ 1.ทางตอนเหนือของรัฐฉาน ภาคตะวันออกของเมียนมา ซึ่งเป็นพื้นที่อิทธิพลของกลุ่มชาติพันธุ์โกก้าง 2.รัฐสะกาย ภาคกลางตอนบน พื้นที่อิทธิพลของกองกำลังติดอาวุธประชาชน (PDF) กลุ่มการเมืองเก่าที่หวังจะโค่นล้มรัฐบาลทหาร และ 3.รัฐกะยา ติดกับจังหวัดแม่ฮ่องสอนของประเทศไทย พื้นที่อิทธิพลของชาติพันธุ์ “กะเหรี่ยง” กลุ่มต่างๆ

ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักข่าวอิรวดีของเมียนมาที่เป็นสื่อสายต่อต้านรัฐบาลทหารได้เผยแพร่รายงานอันน่าสนใจ โดยเป็นบทสัมภาษณ์รองผู้บัญชาการกองกำลังติดอาวุธกะเหรี่ยง KNDF นามว่า “มาร์วี” ที่ทำให้พวกเราเห็นภาพมากขึ้นว่า อะไรกำลังเกิดขึ้นภายในรัฐพรมแดนไทย

เมื่อเวลา 05.00 น. ของวันที่ 11 พ.ย. กองกำลังกะเหรี่ยงได้เริ่มปฏิบัติการโจมตีฐานที่มั่นของกองทัพเมียนมาในพื้นที่เมือง “ลอยกอ” เมืองเอกของรัฐกะยา ใช้ชื่อรหัสยุทธการตามเทรนด์ขายของออนไลน์ 11.11 โดยมีเป้าหมายเพื่อทำลายศูนย์กลางอำนาจของรัฐบาลทหารเมียนมาในรัฐกะยา ซึ่งผลลัพธ์คือหน่วยรบประสบความสำเร็จในการยึดฐานที่มั่นทั้งหมดรอบๆเมืองลอยกอและกำลังพยายามบุกโจมตีตัวเมือง

หน่วยรบที่เข้าร่วมปฏิบัติการครั้งนี้มีทั้งกองกำลังกะเหรี่ยง KNDF กองทัพปลดปล่อยกะเหรี่ยง KNPLF กองทัพกะเหรี่ยง KA ร่วมมือกับกองกำลังติดอาวุธประชาชน PDF และหน่วยรบที่ขึ้นตรงต่อรัฐบาลเงาเมียนมา (กลุ่มการเมืองเก่า) ไปจนถึงกองกำลังประชาชนที่จับอาวุธต่อต้านรัฐบาลปี 2564 เอาจริงๆเรียกได้ว่าเป็นกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงเกือบทั้งหมดในรัฐกะยา

...

การปะทะที่เรียกว่าประสบความสำเร็จคือศึกที่มหาวิทยาลัยลอยกอ หน่วยรบของพันธมิตรกะเหรี่ยงเล็งเห็นว่าการจะบุกเข้าเมืองลอยกอได้ จำเป็นต้องช่วงชิงฐานที่มั่นแห่งนี้มาให้ได้เสียก่อน ปฏิบัติการจึงเริ่มขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. ของวันที่ 13 พ.ย. โดยพื้นที่ดังกล่าวมีทหารเมียนมาตั้งมั่นอยู่ประมาณ 2 กองพัน ด้วยจำนวนฝ่ายเราที่เหนือกว่า จึงทำให้ทหารเมียนมาพยายามยิงปืนใหญ่สกัดความเคลื่อนไหวอย่างหนัก พร้อมร้องขอกำลังสนับสนุนทางอากาศอย่างต่อเนื่อง แต่สุดท้ายก็ป้องกันไม่สำเร็จ ในการบุกระลอกใหญ่เพื่อปิดฉาก ฝ่ายเราได้แจ้งเตือนล่วงหน้าว่าให้เวลา 30 นาที จนทหารเมียนมาในรั้วมหาวิทยาลัยได้ตัดสินใจยอมจำนนในช่วง 3 นาทีสุดท้าย

ถามว่าปฏิบัติการครั้งนี้มีความคืบหน้าถึงไหน? 1.กองทัพเมียนมาถูกบีบให้ถอนกำลังออกจากรัฐกะยา 2.กองทัพเมียนมาที่เหลืออยู่ได้ทำการตั้งมั่นอยู่ในค่าย เคลื่อนกำลังไม่ได้แม้ว่าค่ายและฐานที่มั่นจะอยู่ห่างกันเพียง 300 เมตร 3.ระบบราชการของรัฐบาลทหารไม่อยู่ในสภาพที่ทำงานได้ หน่วยรบกะเหรี่ยงยึดครองเมืองลอยกอได้แล้วกว่าครึ่งเมือง เราสามารถสัญจรอย่างอิสระได้ในพื้นที่ยึดครอง การบุกโจมตีของเราช่วง 10 วันแรก มีทหารเมียนมาเสียชีวิต 200-300 นาย แต่ไม่รวมศพในบางจุดปะทะที่ยังไม่สามารถเข้าไปนับจำนวนได้ อย่างในรั้วมหาวิทยาลัยก็มีศพทหารเมียนมาถูกทิ้งไว้กว่า 60 นาย สำหรับฝ่ายเราก็สูญเสียเช่นกันแต่ไม่ขอเปิดเผยตัวเลข

หากแบ่งพื้นที่กันแล้ว สถานการณ์ตอนนี้เรียกได้ว่า กองกำลังพันธมิตรกะเหรี่ยงครองพื้นที่ในรัฐกะยาประมาณ 80% กองทัพเมียนมาครองพื้นที่ประมาณ 10% ส่วนที่เหลือ 10% อยู่ระหว่างการปะทะแย่งชิง

ส่วนคำถามที่ว่ารัฐกะยาอยู่ไม่ไกลจากกรุงเนปิดอว์ เมืองหลวงของเมียนมา ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางอำนาจของรัฐบาลทหาร จะทำเช่นไรหากกองทัพเมียนมาโถมกำลังมายังรัฐกะยา เพื่อตัดความเสี่ยงที่เมืองหลวงจะถูกโจมตี? รอง ผบ.มาร์วีชี้แจงว่า ตอนนี้เรายังไม่คิดไป ถึงขั้นนั้น ต้องชิงเมืองลอยกอมาให้ได้เสียก่อน ปฏิบัติการครั้งนี้กลุ่มกะเหรี่ยงมีการประสานกับกลุ่มการเมือง เพื่อให้กลุ่มการเมืองจัดตั้งองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นมาบริการประชาชน พร้อมทั้งประสานงานไปยังกลุ่มชาติพันธุ์รัฐใกล้เคียงเพียงขอข้อมูลตัวเลขประชาชนที่พลัดถิ่น เพื่อที่เวลาจบศึกแล้วจะได้กลับมาอยู่ภูมิลำเนาดั้งเดิมอย่างถูกต้อง เช่นเดียวกับการทำแผนดูแลทหารเมียนมาที่ตัดสินแปรพักตร์

อย่างไรก็ตาม ขอฝากถึงประชาชนในรัฐกะยาว่า ในตอนนี้กองทัพเมียนมาได้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศและโจมตีด้วยปืนใหญ่อย่างไม่เลือกเป้า ขอให้ประชาชนอพยพออกจากรัฐไปเสียก่อน แต่ถ้าอพยพไม่ได้ก็ขอให้พยายามเสาะหาที่หลบภัย อาคารที่แข็งแรง หรือขุดหลุมเพลาะ ขอให้อดทนในช่วงเวลาที่ยากลำบาก เพื่อที่จะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไปตลอด นอกจากนี้ ทางหน่วยรบขอความร่วมมือประชาชนในเรื่องน้ำและอาหาร แต่เราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินของประชาชนแต่อย่างใด ให้สัญญาว่ารถราบ้านช่องจะอยู่เหมือนเดิม

คาดหวังผลลัพธ์โดยรวมไว้เช่นไร? การ “ปฏิวัติ” ครั้งนี้จะสำเร็จได้ เราต้องทำลายฐานที่มั่นและศูนย์บัญชาการของกองทัพเมียนมา ทำให้ทหารเมียนมากลัวที่จะออกจากค่าย จนยอมถอนกำลังหรือไม่ก็ถูกขับไล่ ออกจากรัฐกะยาไปทั้งหมด เราจะเข้าควบคุมรัฐกะยาให้เป็นรัฐของกะเหรี่ยง และจัดตั้งอำนาจบริหารของตัวเองเพื่อรับใช้ประชาชน.

...

วีรพจน์ อินทรพันธ์

คลิกอ่านคอลัมน์ “7 วันรอบโลก” เพิ่มเติม