- แซก-แอฟตรา สมาคมนักแสดงภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ประกาศยุติการประท้วงหยุดงานของนักแสดงฮอลลีวูดนับแสนคนแล้ว หลังบรรลุข้อตกลงกับสตูดิโอผู้ผลิต
- ภายใต้ข้อตกลงใหม่ สมาคมนักแสดงฯ ได้รับหลายสิ่งหลายอย่างที่พวกเขาต้องการ รวมถึงแผนรายได้และสิทธิประโยชน์ใหม่ รวมถึงการคุ้มครองระหว่างถ่ายทำ
- นอกจากนั้นยังมีการควบคุมเรื่องการใช้ปัญญาประดิษฐ์เลียนแบบนักแสดงเป็นครั้งแรก โดยกำหนดว่าต้องได้รับความยินยอม และระบุจุดประสงค์ในการใช้งานเอไออย่างชัดเจน
สมาคมนักแสดงภาพยนตร์และสมาพันธ์ศิลปินโทรทัศน์และวิทยุอเมริกัน หรือ แซก-แอฟตรา (Sag-Aftra) เห็นชอบข้อตกลงใหม่กับ AMPTP ผู้แทนฝ่ายผลิตและบริษัทสตรีมมิงแล้ว เมื่อวันศุกร์ที่ 10 พ.ย. ที่ผ่านมา หรือ 2 วันหลังจากพวกเขาประกาศยุติการประท้วงหยุดงานครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมภาพยนตร์สหรัฐฯ
เหล่านักแสดงฮอลลูวูดเริ่มหยุดงานประท้วงในเดือนกรกฎาคม จากปัญหาเรื่องค่าตอบแทนที่ไม่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของอุตสาหกรรมบันเทิงที่เปลี่ยนไป ตลอดจนการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อเลียนแบบการแสดงของนักแสดง ไม่ว่าจะเสียงหรือใบหน้า
หลังจากผ่านไปนาน 118 วัน ในที่สุดการเจรจาระหว่าง แซฟ-แอฟตรา กับ AMPTP ก็บรรลุผล โดยในวันศุกร์คณะกรรมการของ แซก-แอฟตรา โหวตเห็นชอบข้อตกลงมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ฉบับนี้ ด้วยคะแนนเสียงไม่เป็นเอกฉันท์ที่ 86% แต่ นางฟราน เดรสเชอร์ ยืนยันในงานแถลงข่าวว่า เป็นชัยชนะของทุกคน
อย่างไรก็ตาม แม้จะยุติการประท้วงแล้ว สถานการณ์ของฮอลลีวูดจะยังไม่กลับมาเป็นปกติในทันที ภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า รายละเอียดของข้อตกลงจะถูกเปิดเผยต่อเหล่านักแสดงหลายหมื่นคนที่เป็นสมาชิกของแซก-แอฟตรา และพวกเขาจะเป็นผู้โหวตว่าจะรับรองข้อตกลงนี้หรือไม่ ซึ่งคาดกันว่าพวกเขาจะให้ความเห็นชอบ
...
ต้นเหตุหยุดงานประท้วง
แซก-แอฟตรา ประท้วงหยุดงานเนื่องจากปัญหาหลัก ด้านความเท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจ, ค่าตอบแทนจากการนำผลงานไปใช้ซ้ำ (residual) และการกำกับดูแลการใช้ปัญญาประดิษฐ์
เรื่องความเท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจ แซก-แอฟตรา ระบุว่า สัญญาปัจจุบันนั้นล้าสมัย เพื่อเทียบกับวิวัฒนาการของธุรกิจสื่อ และการมาของธุรกิจสตรีมมิง ทำให้เป็นเรื่องยากที่สมาชิกของพวกเขาจะได้รับหรือรักษาการดำเนินชีวิตระดับชนชั้นกลางด้วยการทำงานเป็นนักแสดง จึงต้องมีการรับรองว่า จะเพิ่มค่าตอบแทน, เพิ่มงบประมาณด้านสุขภาพ, สิทธิประโยชน์หลังเกษียณ และแผนเงินบำนาญ
ส่วนเรื่องค่าตอบแทนจากการนำผลงานไปใช้ซ้ำ ก็กำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ของเหล่านักแสดงรวมทั้งนักเขียนบทในยุคนี้ โดยตามปกติค่าตอนในส่วนนี้จะคิดจากผลกำไรที่ผลงานของพวกเขาสร้างหลังออกฉาย โดยเมื่อก่อนจะเป็นรายได้จากโฆษณาและยอดขายดีวีดี แต่ตอนนี้ธุรกิจสตรีมมิงกำลังบูม และแพลตฟอร์มสตรีมมากมายไม่จ่ายค่าตอบแทนนี้ในแบบเดียวกัน นอกจากนั้นยังปิดบังข้อมูลรายได้ ทำให้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะคำนวณว่านักแสดงควรได้ค่าตอบแทนเท่าใด
ในด้าน AI แซก-แอฟตรา โจมตีว่า นโยบายการทำงานของบริษัทเหล่านี้ ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความต้องการที่จะพิจารณาสิทธิพื้นฐานไปจนถึงเสียงของพวกเราอย่างจริงจังเลย ปัญญาประดิษฐ์กำลังถูกใช้เพื่อเลียนแบบการแสดงของนักแสดง และแซก-แอฟตรา ตั้งใจที่จะสร้างข้อกำหนดเพื่อให้เทคโนโลยีนี้ถูกใช้อย่างเป็นธรรม โดยต้องการให้มีการรับรองว่า AI จะไม่ถูกใช้เพื่อสร้างใบหน้าและเสียงมาแทนที่นักแสดง
อะไรอยู่ในข้อตกลง?
ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลลายลักษณ์อักษรของข้อตกลงฉบับใหม่นี้ออกมา แต่ นางเดรสเชอร์ กับ นายดันแคน แครบทรี-ไอร์แลนด์ หัวหน้าทีมเจรจาของ แซก-แอฟตรา ก็เปิดเผยรายละเอียดหลายอย่างของสัญญาณออกมาแล้ว ซึ่งรวมถึงแผนค่าจ้างและสิทธิประโยชน์ใหม่ที่มีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ตลอดระยะเวลา 3 ปี
ภายใต้แผนดังกล่าว นักแสดงทั่วไปจะได้รับค่าจ้างเพิ่ม 7% ในปีแรกของสัญญา ก่อนจะเพิ่มขึ้นอีก 4% ในเดือนกรกฎาคม 2567 และเพิ่มขึ้นอีกครั้งจำนวน 3.5% ในเดือนกรกฎาคม 2568 ขณะที่นักแสดงประกอบฉาก จะได้ค่าจ้างเพิ่มขึ้น 11% ตั้งแต่วันที่ 12 พ.ย.นี้เป็นต้นไป และจะได้ค่าจ้างเพิ่มเติม 4% กับ 3.5% ในเดือนกรกฎาคมปี 2567 และ 2568 ตามลำดับ
นอกจากนั้นยังมีแผนการจ่ายค่าตอบแทนจากการนำผลงานไปใช้ซ้ำ (residual) แบบใหม่ เพื่อให้ค่าตอบแทนมีความยั่งยืนสำหรับนักแสดงระดับกลางมากขึ้น โดยเป็นกองทุนที่มีมูลค่ารวมทั้งหมด 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อปี เป็นโบนัสแก่นักแสดงที่ทำงานด้านสตรีมมิง จะจ่ายให้แก่นักแสดงที่ผลงานในแฟลตฟอร์มสตรีมมิงมียอดคนดูถึงค่าที่กำหนด ส่วนเงินทุนที่เหลือจะแบ่งสันบันส่วนให้แก่นักแสดงคนอื่นๆ ที่ทำงานในแพลตฟอร์มนั้นๆ
ข้อตกลงใหม่ยังให้ความสำคัญเรื่องประเด็นอ่อนไหวและความหลากลาย รวมถึงลดหรือห้ามเปลี่ยนรูปลักษณ์นักแสดงด้วยวิธีการใดๆ เพื่อปิดบังเชื้อชาติหรือลักษณะทางชาติพันธุ์, ให้ใช้ภาษาที่มีความเป็นกลางทางเพศ และให้นักแสดงเข้าถึงการดูแลเพื่อยืนยันทางเพศ (Gender-affirming care) เพื่อช่วยให้พวกเขาเปลี่ยนเพศลักษณ์ตามอัตลักษณ์ทางเพศของพวกเขาด้วย
ขณะเดียวกัน มีข้อกำหนดให้จ้างผู้กำกับฉากเลิฟซีน (Intimacy Coordinator) ซึ่งทำหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างนักแสดงและผู้กำกับภาพยนตร์ ระหว่างการแสดงฉากเปลือยกายหรือฉากเซ็กซ์ เพื่อให้งานออกมาเป็นศิลปะไม่ใช่การอนาจาร และให้ความสำคัญเรื่องการยินยอม (consent) ไม่ให้ใครต้องถูกบังคับให้ทำสิ่งที่ไม่อยากทำ บอกให้นักแสดงรู้ว่าควรแสดงได้แค่ไหน ไม่ให้มีการเล่นนอกบทอย่างที่ผ่านมา
ส่วนนักแสดงซีรีส์ที่ต้องย้ายที่อยู่เพื่อการถ่ายทำ ข้อตกลงนี้จะมีการจัดสรรเบี้ยเลี้ยงสำหรับการย้ายที่อยู่ (Relocation allowances) โดยจะมอบให้ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน สูงสุด 6 เดือน
...
ควบคุมการใช้ AI
นางเดรสเชอร์ เปิดเผยว่า การเจรจาปัญหาเรื่องปัญญาประดิษฐ์เป็นหนึ่งในประเด็นที่ยากที่สุดและเป็นเรื่องท้ายๆ ที่มีการตกลงกัน ท่ามกลางความกังวลในหมู่นักแสดงว่า เทคโนโลยีที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วนี้ จะถูกใช้เพื่อเลียนแบบใบหน้าและเสียง จนถึงขั้นมาแทนที่พวกเขาในท้ายที่สุด
นี่เป็นครั้งแรกที่ข้อตกลงรวมถึงเรื่องความยินยอมและค่าชดเชยในการใช้เอไอ โดยกำหนดว่า การสร้างสำเนาทางดิจิทัลใดๆ ของนักแสดง รวมถึงนักแสดงประกอบฉาก ทางสตูดิโอจำเป็นต้องได้รับความยินยอมอย่างเป็นทางการจากตัวนักแสดง รวมถึงระบุจุดประสงค์ในการใช้งานอย่างชัดเจน และให้ค่าชดเชยอย่างเป็นธรรม
“ความยินยอมดังกล่าวต้องไม่ใช่สิ่งที่ได้รับมาล่วงหน้า แต่ต้องได้รับ ณ เวลาใช้งาน” นายแครบทรี-ไอร์แลนด์ระบุ “มันไม่สามารถเป็นเพียงเอกสารที่เขียนลวกๆ ว่า ‘ผมมอบสิทธิ์ในการใช้สำเนานี้ได้ตลอดไปในทุกที่ทั่วจักรวาล’ … มันต้องมีการอธิบายอย่างเจาะจง ว่าจะใช้ทำอะไร เพื่อให้นักแสดงสามารถทำการตัดสินใจอย่างมีข้อมูลว่า พวกเขาควรตกลงหรือไม่”
นอกจากนั้น แซก-แอฟตรา กับ AMPTP จะประชุมกันปีละ 2 ครั้ง เพื่อติดตามความเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการของเอไอ และอัปเดตมาตรการควบคุมด้วย
...
สถานการณ์ยังไม่กลับเป็นปกติในทันที
การยุติประท้วงของ แซก-แอฟตรา ทำให้นักแสดงหลายคนเริ่มกลับไปทำงานแล้ว แต่สถานการณ์ยังไม่กลับมาเป็นปกติในทันที แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจหนักหนา และสะท้อนไปไกลกว่าแค่การหยุดงานของนักแสดงมาก
ตารางรายการโทรทัศน์ช่วงฤดูใบไม้ผลิตของสหรัฐฯ เต็มไปด้วยรายการเรียลลิตี้และเกมโชว์ เนื่องจากละครกับภาพยนตร์หลายเรื่องต้องเลื่อนการถ่ายทำออกไปเพราะการประท้วง การประกาศรางวัล เอมมีส์ อวอร์ดส์ ที่ปกติจะจัดในเดือนกันยายน ก็เลื่อนไปเป็นวันที่ 15 ม.ค. 2567 งานเปิดตัวภาพยนตร์ต่างๆ ไม่มีนักแสดงหลักมาเข้าร่วม สตูดิโอใหญ่อย่าง วอร์เนอร์ บรอส. ดิสคัฟเวอรี มีแนวโน้มรายได้ปี 2566 ลดลง 300-500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
การประท้วงครั้งนี้จะมีผลกระทบในอนาคตมาน้อยเพียงใด ก็ขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่าง แซก-แอฟตรากับ AMPTP แต่อุตสาหกรรมภาพยนตร์สหรัฐฯ เจ็บตัวมาตลอด จากการตัดสินใจด้านการเงินอันย่ำแย่, ความล่าช้าเพราะการระบาดของโควิด-19 และการประท้วงล่าสุด ทำให้มีอีกหลายเรื่องที่จำเป็นต้องฟื้นฟูกลับมา
ผู้เขียน : ทิตชนม์ สว่างศรี
ที่มา : washingtonpost , nbclosangeles , yahoo , vox
...