ชาวกรุงนิวเดลี เมืองหลวงของอินเดีย เผชิญกับหมอกควันพิษหนาทึบ ส่งผลให้โรงเรียนบางแห่งได้รับคำสั่งให้ปิดเป็นเวลา 2 วัน เนื่องจากดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) เข้าสู่ระดับ "รุนแรง" ในหลายพื้นที่

หมอกควันพิษมักปรากฏขึ้นในกรุงเดลีในช่วงฤดูหนาว เนื่องจากอากาศเย็นที่มีมวลหนักดักจับฝุ่นจากการก่อสร้าง มลพิษจากยานพาหนะ และควันจากการเผาตอซังพืชผลในรัฐใกล้เคียง ทำให้ผู้ป่วยทางเดินหายใจมีจำนวนเพิ่มขึ้นในนิวเดลีที่มีประชากร 20 ล้านคน

เมื่อวันศุกร์ ชาวบ้านร้องเรียนว่ามีอาการระคายเคืองตา และคันคอ โดยอากาศเปลี่ยนเป็นสีเทาหนาทึบ เนื่องจากตัวเลขดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ประมาณ 480 ในสถานีตรวจวัดบางจุด ทั้งนี้ ดัชนีคุณภาพอากาศ 0-50 ถือว่าดี ในขณะที่ตัวเลขที่อยู่ระหว่าง 400-500 จะส่งผลต่อคนที่มีสุขภาพดี และเป็นอันตรายต่อผู้ที่มีโรคประจำตัว

กรุงนิวเดลี ติดอันดับเมืองที่มีมลพิษมากที่สุดในโลกแบบเรียลไทม์เมื่อวันศุกร์ ซึ่งรวบรวมโดย กลุ่มบริษัท ไอคิวแอร์ (IQAir) ของสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งทำให้ดัชนีคุณภาพอากาศของเมืองหลวงของอินเดียซึ่งอยู่ที่ 611 ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม "อันตราย"

คณะกรรมการเพื่อการจัดการคุณภาพอากาศแห่งภูมิภาค ระบุเมื่อวันพฤหัสบดี (2 พ.ย.) ว่า "สภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย การจุดไฟเผาพื้นที่เกษตรกรรมที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และลมตะวันตกเฉียงเหนือที่พัดพามลพิษไปยังนิวเดลี เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ดัชนีคุณภาพอากาศเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน"

เจ้าหน้าที่สั่งให้โรงเรียนประถมศึกษายังคงปิดทำการในวันศุกร์ และวันเสาร์ ขณะที่การก่อสร้างส่วนใหญ่ในพื้นที่นี้ถูกระงับชั่วคราว ด้านซัพพลายเออร์เครื่องฟอกอากาศบางรายกล่าวว่า เกิดปัญหาการขาดแคลนเครื่องฟอกอากาศอย่างมาก เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างกะทันหัน

...

นอกจากนั้นในปีนี้ปัญหาคุณภาพอากาศที่แย่ลงได้ส่งผลกระทบต่อการแข่งขันคริกเก็ตเวิลด์คัพที่อินเดียเป็นเจ้าภาพ โดยเมืองหลวงทางการเงินอย่างมุมไบก็ประสบปัญหาระดับมลพิษพุ่งสูงขึ้นเช่นกัน นอกจากนั้น กรุงนิวเดลี ยังจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกในวันจันทร์นี้ ระหว่างทีมบังกลาเทศ และศรีลังกา

ตามข้อมูลของไอคิวแอร์เมื่อปีที่แล้ว เมืองภิวาดี ทางตอนเหนือของอินเดีย เป็นเมืองที่มีมลพิษมากที่สุดของประเทศ และเป็นอันดับสามของโลก ส่วนกรุงนิวเดลีอยู่ในอันดับที่ 4 ในขณะที่เมืองละฮอร์ของปากีสถาน และเมืองโฮตัน ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ของจีน อยู่ในอันดับต้นๆ เช่นกัน.