สหประชาชาติ (UN) แถลง สูญเสียเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซาแล้วอย่างน้อย 64 ศพ จากความขัดแย้งครั้งใหม่ระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส หลังบุกโจมตีอิสราเอลเมื่อ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา

สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ฟิลิปเป ลัซซารินี คณะกรรมาธิการใหญ่สำนักงานบรรเทาทุกข์และจัดหางานแห่งสหประชาชาติ เพื่อผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้ (UNRWA) แถลงถึงสถานการณ์การสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเมื่อวันจันทร์ที่ 30 ต.ค. ว่า ในช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา สหประชาชาติต้องสูญเสียเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปปฏิบัติภารกิจให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซามากกว่า 64 คน และก่อนการแถลงเพียง 2 ชั่วโมง เพิ่งมีรายงานการเสียชีวิตของหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงและความปลอดภัยในภูมิภาคตะวันออกกลางพร้อมภรรยาและลูกๆ อีก 8 คน จนนับเป็นตัวเลขการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่สหประชาชาติสูงที่สุด จากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในระยะเวลาเพียงไม่นาน

นายลัซซารินีแสดงความกังวลต่อสถานการณ์ความเป็นอยู่ของผู้คนในฉนวนกาซา ซึ่งไม่ได้รับการปฏิบัติเหมือนพลเมืองชาติอื่นๆ และกำลังถูกลดทอนความเป็นมนุษย์ รวมถึงถูกเหมารวมว่าเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มฮามาส พร้อมประณามอิสราเอลที่ “ลงโทษแบบเหมารวม” ต่อประชาชนในฉนวนกาซา 

“ประชาชนส่วนใหญ่ในฉนวนกาซารู้สึกว่าพวกเขากำลังถูกทอดทิ้ง และพวกเขารู้สึกว่าทั่วโลกกำลังตีตราว่าชาวกาซาคือพวกเดียวกับกลุ่มฮามาส ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่อันตราย ทำให้ชาวกาซาทั้งหมดถูกลดทอนความเป็นมนุษย์ และถึงแม้กลุ่มฮามาสจะมีความโหดร้าย แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าอิสราเอลจะละเมิดหลักสากลและกฎหมายเกี่ยวกับหลักมนุษยธรรมได้” นายลัซซารินีกล่าว

...

นอกจากนี้ นายลัซซารินียังแสดงความกังวลถึงการส่งความช่วยเหลือไปยังฉนวนกาซาที่มีโอกาสจะทำได้ยากยิ่งขึ้น เนื่องจากสถานการณ์การสู้รบระหว่างอิสราเอล-ฮามาสทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้ไม่มีพื้นที่ปลอดภัยในฉนวนกาซา และเสี่ยงจะก่อให้เกิดความวุ่นวายและการก่อจลาจล 

ขณะเดียวกัน นายลัซซารินี ก็ได้เตือนถึงโอกาสที่สถานการณ์การสู้รบจะบานปลาย หลังมีรายงานความรุนแรงเกิดขึ้นในเขตเวสต์แบงก์ และเยรูซาเลมตะวันออก ซึ่งเป็นพื้นที่ของชาวปาเลสไตน์ เนื่องจากความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและเลบานอนเพิ่มความรุนแรงขึ้น ส่งผลให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตล่าสุดในเวสต์แบงก์ก็ถือว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่สหประชาชาติเริ่มบันทึกข้อมูลในปี 2548 

ติดตามข่าวต่างประเทศได้ที่ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : CNNThe Guardian