ชาวเลบานอนลุกฮือบุกล้อมสถานทูตสหรัฐฯ ท่ามกลางความโกรธแค้นจากเหตุการณ์โรงพยาบาลในฉนวนกาซาโดนจรวดโจมตี คร่าชีวิตคนไปมากกว่า 500 ศพ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เกิดเหตุผู้ประท้วงชาวเลบานอนหลายร้อยคนบุกล้อมถานทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงเบรุต และจุดไฟเผาหอคอยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่ใกล้กับสถานทูต เมื่อคืนวันอังคาร (17 ต.ค.) ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุสลด โรงพยาบาลอัล-อาห์ลี อาหรับ ในเมืองกาซาซิตี้ ฉนวนกาซาถูกจรวดถล่ม จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 500 ศพ

รายงานระบุว่า การประท้วงครั้งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากผู้คนรู้สึกโกรธแค้นอิสราเอล ในขณะที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ยังได้ออกมาเรียกร้องให้ชาวมุสลิมประท้วงต่อต้าน จึงทำให้ชาวเลบานอนหลายร้อยคนมารวมตัวและบุกไปที่สถานทูตสหรัฐฯ ที่ตั้งอยู่บริเวณชานกรุงเบรุต เนื่องจากสหรัฐฯ เป็นชาติพันธมิตรของอิสราเอล และประกาศตัวสนับสนุนอิสราเอลอย่างเป็นทางการ

ผู้ประท้วงต่างพากันขว้างก้อนหิน ระเบิดขวด และจุดไฟเผาบริเวณหอคอยรักษาความปลอดภัย รวมถึงชูธงปาเลสไตน์ เพื่อแสดงการสนับสนุนชาวมุสลิมด้วยกัน ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจของเลบานอนจะเข้าควบคุมสถานการณ์ และฉีกแก๊สน้ำตาใส่ผู้ประท้วง

ในเวลาต่อมา ทางการสหรัฐฯ ได้ประกาศยกระดับคำแนะนำการเดินทางไปเลบานอนเป็นระดับ 4 หมายถึง ห้ามชาวอเมริกันเดินทางไปเลบานอน เนื่องจากสถานการณ์ด้านความปลอดภัยไม่สามารถคาดเดาได้ ท่ามกลางการสู้รบระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ทางภาคใต้ของเลบานอน และกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ

นอกจากนี้ ฝรั่งเศส แคนาดา สเปน เยอรมนี และออสเตรเลีย ต่างก็ออกคำเตือนพลเมืองของตนให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังเลบานอน 

ขณะเดียวกันก็มีรายงานว่า ชาวจอร์แดนได้รวมตัวกันเพื่อบุกเข้าไปในสถานทูตอิสราเอลในจอร์แดน แต่ตำรวจได้ยิงแก๊สน้ำตาใส่ฝูงชนเพื่อสลายผู้ประท้วง และปิดล้อมเส้นทางไปยังสถานทูต ทำให้ผู้ประท้วงเดินทางไปไม่ถึงสถานทูต

...

ติดตามข่าวต่างประเทศได้ที่ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : The Sun