กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เผยแพร่วิดีโอ เหตุการณ์เครื่องบินรบจีนบินคุกคามการบินของเครื่องบินรบกองทัพอากาศสหรัฐฯ มากกว่า 180 ครั้ง เหนือทะเลจีนใต้ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา กล่าวหากองทัพจีนมีพฤติกรรมการบินที่เสี่ยงอันตราย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน กระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกาเมื่อวานนี้ (17 ต.ค.) เผยแพร่ภาพและวิดีโอ เครื่องบินรบของกองทัพสหรัฐฯ ถูกเครื่องบินรบของจีนคุกคามมากกว่า 180 ครั้ง ขณะบินอยู่เหนือน่านฟ้าสากล บริเวณทางตะวันตกของมหาสมุทรแฟซิฟิก หรือบริเวณทะเลจีนใต้ อันเป็นพื้นที่ข้อพิพาทของหลายประเทศ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา 

นายเอลี แรตเนอร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ที่ดูแลปัญหาความมั่นคงในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก กล่าวว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา กองทัพสหรัฐฯ พบพฤติกรรมการบินของเครื่องบินรบจากจีน ที่เสี่ยงอันตรายและมีลักษณะข่มขู่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในน่านฟ้าสากล เหนือทะเลจีนใต้

ตัวอย่างเช่น เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีเครื่องบินรบของกองทัพจีนบินด้วยความเร็วมากกว่าหลายร้อยไมล์ต่อชั่วโมง มาตีคู่บินอยู่ข้างเครื่องบินของสหรัฐฯ ขณะบินอยู่ในน่านฟ้าสากลเหนือทะเลจีนใต้ นานมากกว่า 15 นาที โดยรักษาระยะห่างจากเครื่องบินของสหรัฐฯ แค่ประมาณ 9 เมตร 

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่หน่วยบัญชาการทหารสหรัฐฯ ภาคอินโดแปซิฟิก กล่าวหาว่ากองทัพจีนได้ขับเครื่องบินอย่างไม่ปลอดภัยระหว่างสกัดกั้นเครื่อง RC-135 ของกองทัพสหรัฐฯ ซึ่งกำลังปฏิบัติภารกิจตามปกติเหนือทะเลจีนใต้

เจ้าหน้าที่ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า การกระทำของนักบินของกองทัพจีนในลักษณะเช่นนี้สามารถก่อให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง และเป็นอัตรายได้ อีกทั้งอาจนำไปสู่ความขัดแย้งโดยไม่ได้ตั้งใจ

...

ชมภาพและวิดีโอ: ที่นี่

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 16 ต.ค. ทางการแคนาดาก็เพิ่งเปิดเผยว่า เครื่องบินรบของกองทัพแคนาดาได้เผชิญเหตุการณ์เครื่องบินรบของจีนบินเข้าใกล้ในระยะ 5 เมตร ขณะบินเหนือน่านน้ำสากลใกล้เกาหลีเหนือ ซึ่งบิล แบลร์ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการกระทำดังกล่าวว่า “อันตรายและประมาทเลินเล่อ”

โดยกองทัพจีนได้ออกมาตอบโต้ข้อกล่าวหาของแคนาดาว่า เครื่องบินของแคนาดาบุกรุกน่านฟ้าเหนือหมู่เกาะเตียวหยูของจีนอย่างผิดกฎหมาย อย่างไรก็ดี หมู่เกาะนี้ถือเป็นหนึ่งในพื้นที่พิพาทในทะเลจีนใต้ระหว่างจีน และญี่ปุ่น โดยคนญี่ปุ่นเรียกหมู่เกาะนี้ว่า เซ็งกากุ

ติดตามข่าวต่างประเทศได้ที่ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : Aljazeera

Cr. ภาพ: U.S. Department of Defense