นักเคลื่อนไหวหญิง ผู้ต่อสู้เพื่อสิทธิสตรีในอิหร่าน จนถูกลงโทษจำคุกนานกว่า 30 ปีและยังถูกจองจำจนถึงตอนนี้ ได้รับเลือกเป็นเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปี 2023
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันศุกร์ที่ 6 ต.ค. 2566 คณะกรรมการโนเบลสาขาสันติภาพที่กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ ประกาศว่า น.ส.นาร์เกส โมฮัมมาดี นักเคลื่อนไหวผู้ถูกจองจำในประเทศอิหร่าน คือผู้ที่คว้ารางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปี 2023 ไปครอง
คณะกรรมการโนเบลระบุว่า ขอมอบรางวัลนี้ให้เพื่อเป็นเกียรติแก่ การต่อสู้เพื่อต่อต้านการกดขี่สตรีในอิหร่านของเธอ และการต่อสู้เพื่อส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพของทุกคน
ทั้งนี้ น.ส.โมฮัมมาดี ซึ่งปัจจุบันมีอายุ 51 ปี ถูกอิหร่านตัดสินจำคุกเป็นเวลานานกว่า 30 ปี และถูกห้ามไม่ให้พบหน้สามีและลูกๆ หลังจากชื่อของเธอกลายเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อสิทธิสตรีในอิหร่าน นับตั้งแต่การประท้วงครั้งใหญ่ทั่วประเทศเมื่อปีก่อน ตามหลังการเสียชีวิตของ มาห์ซา อามินี วัยเพียง 22 ปี ผู้ถูกตำรวจศีลธรรมทำร้ายจนเสียชีวิตระหว่างถูกควบคุมตัวเพราะไม่สวมผ้าคลุมศีรษะ
ในพิธีประกาศรางวัล คณะกรรมการโนเบลฯ ระบุว่า พวกเขารู้ว่ามีคนหลายแสนคนที่เมื่อปีก่อน ร่วมแสดงพลังต่อต้านนโยบายเลือกปฏิบัติและกดขี่ซึ่งมีเป้าหมายไปที่ผู้หญิงของรัฐบาลอิหร่าน แต่การต่อสู้ของโมฮัมมาดีมาพร้อมกับสิ่งที่ต้องเสียไปมหาศาล เธอถูกจับกุมรวมทั้งหมด 13 รอบ ถูกตัดสินความผิด 5 ครั้ง และถูกพิพากษาให้จำคุก 31 ปี และเฆี่ยนอีก 154 ครั้ง
“ขณะที่เราพูดกันอยู่ในตอนนี้ น.ส.โมฮัมมาดีก็ยังอยู่ในเรือนจำ” เบริต รีส-แอนเดอร์เซน ประธานคณะกรรมการโนเบลสาขาสันติภาพกล่าว
ทั้งนี้ ยังไม่แน่ชัดว่า น.ส.โมฮัมมาดีรู้ว่าตนเองได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพหรือไม่ แต่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เธอฝากข้อความมาถึงสำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น ผ่านทางครอบครัว เพื่อให้เผยแพร่ในกรณีที่เธอได้รับรางวัล
...
ข้อความของโมฮัมมาดีระบุว่า เธอจะต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย, เสรีภาพ และความเท่าเทียมต่อไป และเธอจะอยู่ในอิหร่านเพื่อทำการเคลื่อนไหวของเธอต่อไป แม้ว่าเธอต้องใช้เวลาทั้งหมดที่เหลือในชีวิตในคุกก็ตาม
“ฉันจะยืนหยัดเคียงข้างเหล่ามารดาผู้กล้าหาญในอิหร่าน ต่อสู้กับการเลือกปฏิบัติอย่างไร้ความปรานี, การข่มเหง และการกดขี่ทางเพศของรัฐบาลศาลนาผู้ปกครองอย่างกดขี่ต่อไป จนกว่าเหล่าสตรีจะได้รับการปลดปล่อย” น.ส.โมฮัมมาดีระบุ
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : cnn