กลายเป็นข่าวที่สร้างความฮือฮาแก่ผู้มีบาดแผลทางประวัติศาสตร์ หลังรัฐบาล “แคนาดา” เปิดเวทีรัฐสภาต้อนรับ นายโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะในอีเวนต์ดังกล่าวไม่ได้มีเพียงผู้นำยูเครนแต่ยังพ่วงด้วยทหารผ่านศึกชาวยูเครน-แคนาดารุ่นอาวุโสนามว่า “ยาโรสลาฟ กุนกา” อายุ 98 ปี ที่เหล่านักการเมืองแคนาดาต่างให้ความเคารพโดยการ “สแตนดิง โอเวชัน” ยืนตรงปรบมือ ซึ่งถือเป็นการให้เกียรติอย่างมากตามธรรมเนียมชาติตะวันตก

นายแอนโทนี โรตา ประธานรัฐสภา กล่าวชื่นชมว่า นายกุนกาเป็นวีรบุรุษชาวยูเครน วีรบุรุษชาวแคนาดา ขอขอบคุณที่นายกุนการับใช้ชาติ ต่อสู้กับ “รัสเซีย” เพื่อเอกราชของยูเครน (ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2) จนกลายเป็นประเด็นปล่อยไก่ เกิดคำถามว่าแคนาดาลืมหรือยังไง ในมหาสงครามครั้งนั้นรัสเซียหรือสหภาพโซเวียตอยู่ฝ่าย “สัมพันธมิตร” ข้างเดียวกับแคนาดา อังกฤษ สหรัฐฯ ฝรั่งเศส และที่สำคัญ คนที่รบกับรัสเซียในยุคนั้นก็ย่อมมีอยู่ฝ่ายเดียวคือ “นาซีเยอรมนี” เนื่องจากในช่วงเวลานั้น ยูเครนเป็นดินแดนของสหภาพโซเวียต และถูกกองทัพเยอรมนีรุกรานในวันที่ 22 มิ.ย.2484 ภายใต้รหัสปฏิบัติการบาร์บารอสซา ซึ่งต่อมาความจริงก็ปรากฏว่านายกุนกาผู้นี้เคยเป็นอาสาสมัครเข้าร่วมรบในสังกัดกองพล “SS” ที่ 14 กาลิเซียน ของนาซีเยอรมนี

ปัจจุบันชื่อของหน่วยเอสเอสอาจถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา แต่สำหรับชาวยุโรปส่วนใหญ่นั้นจำได้ดีว่าเป็นองค์กรที่เริ่มจากการเป็นหน่วยองค์รักษ์ของผู้นำ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ที่ยึดมั่นเรื่องความสำคัญของ “ชาติพันธุ์” ชนชาวอารยันเหนือกว่าชาติอื่นใด ก่อนขยายตัวกลายเป็นหน่วยรบหัวกะทิหน่วยต่างๆ เพื่อคานอำนาจกับกองทัพบกเยอรมนี

...

หน่วยเอสเอสสร้างชื่อไว้มากมายในสนามรบ แต่ก็สร้างความหวาดกลัวไว้หลังแนวรบเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องการสังหารหมู่ชาวบ้านกลุ่มชาติพันธุ์ชาวยิวหรือคนท้องถิ่น แน่นอนว่าหน่วยรบที่ 14 กาลิเซียน ต้นสังกัดของนายกุนกาก็หนีไม่พ้น ถูกบันทึกไว้ว่าเป็นหน่วยอาสาสมัครยูเครนที่อยู่ใต้สังกัดกรม “ไอน์ซาดซ์กรุปเปน” ซึ่งมีหน้าที่เป็น “มือเพชฌฆาต” ของนาซีเยอรมนี และทำให้หน่วยกาลิเซียนต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการ กำจัดชุมชนเชื้อชาติโปแลนด์ในยูเครนและในโปแลนด์ ช่วงปี 2487-2488

งานนี้รัฐบาลแคนาดาเสียหายหนัก นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรี ออกมาแก้เก้อทีแรกว่าอย่าไปฟังโฆษณาชวนเชื่อของรัสเซีย แต่สุดท้ายก็ทานข้อเท็จจริงไม่ไหวจนออกมาขอโทษอย่างเป็นทางการว่า “ทำสิ่งที่น่าอายมากลงไป” ขณะที่นายโรตา ประธานสภาก็ถูกทุกคน โบ้ยขี้ใส่ จนต้องประกาศลาออกจากตำแหน่ง.

ตุ๊ ปากเกร็ด

คลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม