ข่าวดังในวงการอวกาศเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาก็คือ การกลับคืนสู่โลกของ “แคปซูล” ที่ถูกส่งมาจาก ยานอวกาศโอไซริส–เร็กซ์ (OSIRIS-REx) ที่องค์การนาซา สหรัฐอเมริกา ส่งไปทำภารกิจ 7 ปี เดินทางไปสำรวจและเก็บตัวอย่างดินและหินบน ดาวเคราะห์น้อยเบนนู (Bennu) และตัวอย่างดังกล่าวก็ถูกรวบรวมไว้ในแคปซูลตัวนี้ โดยร่อนลงสู่โลกในพื้นที่ทางทหารของสหรัฐฯ รัฐยูทาห์ เมื่อ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งแคปซูลก็ถูกย้ายไปยังห้องปลอดเชื้อในเมืองฮิวส์ตัน รัฐเท็กซัส เป็นที่เรียบร้อย รอเวลาที่จะศึกษาวิจัยต่อไปก่อนหน้านี้ หลายคนอาจตั้งคำถามว่า ทำไมจึงต้องไปสำรวจและเก็บตัวอย่างจากวัตถุอวกาศพวกนี้ มันก็ดูเหมือนก้อนหินธรรมดาๆ และทุกวันนี้เราศึกษาเอาจากอุกกาบาตที่ตกลงมาบนโลกก็ได้ ในแง่ที่เกี่ยวกับกำเนิดและวิวัฒนาการของระบบสุริยะ แค่วัดอายุอุกกาบาตและระบุสารเคมีที่มีอยู่ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เข้าใจว่า องค์ ประกอบสำคัญของสิ่งมีชีวิตถูกส่งมายังโลกอย่างไร แต่ความคิดนี้ถูกหักล้างว่า การที่ได้ศึกษาตัวอย่างที่นำมาจากดาวเคราะห์น้อยโดยตรงน่าจะดีกว่าอุกกาบาตที่มักปนเปื้อนสารประกอบจากสภาพแวดล้อมของโลก จน ทำให้คลางแคลงใจว่าสารที่อยู่ในอุกกาบาตนั้นน่ะ จริงๆแล้วมาจากดาวเคราะห์น้อยหรือจากโลกกันแน่การส่งยานอวกาศไปดาวเคราะห์น้อยไม่ใช่เรื่องใหม่ ปี 2539-2544 ยานอวกาศเนียร์-ชูเมกเกอร์ (Near-Shoemaker) ของนาซา ก็ลงแตะพื้นผิวดาวเคราะห์น้อยอีรอส (Eros) ต่อมายานอวกาศฮายาบูซะ (Hayabusa) ขององค์การอวกาศญี่ปุ่นก็นำวัตถุไม่กี่มิลลิกรัมจากดาวเคราะห์น้อยอิโตคาวะ (Itokawa) กลับโลกในปี 2553 สิ่งนี้ ทำให้วัดอายุของดาวเคราะห์น้อยได้เป็นครั้งแรก นับเป็นก้าวสำคัญในการทำความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างดาวเคราะห์น้อยและอุกกาบาต จากนั้นยานฮายาบูซะ 2 (Haya busa 2) ที่ส่งไปดาวเคราะห์น้อยริวกุ (Ryugu) ก็เก็บตัวอย่างกลับโลกในปี 2563 ถือเป็นความสำเร็จยิ่งใหญ่ของวงการอวกาศญี่ปุ่นก็ว่าได้ผลวิจัยตัวอย่างจากริวกุเผยว่า มีสารประกอบอินทรีย์ราว 20,000 ชนิดในตัวอย่าง ส่วนตัวอย่างที่มาจากเบนนูก็ คาดหวังว่าอาจมีอะไรที่แตกต่างออกไปอีกอย่างก็คือ...ดาวเคราะห์น้อยเบนนู ถูกระบุว่าเป็นวัตถุอันตราย มีโอกาส 1 ใน 3,000 ที่มันจะพุ่งชนโลกในช่วงราว 150-200 หรือ 300 ปีข้างหน้า!ภัค เศารยะคลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม