นักโทษชายชาวอเมริกันที่ถูกกล่าวหาว่าฆาตกรรมผู้หญิงกว่า 20 คน ถูกพบเสียชีวิตในห้องขัง ขณะรับโทษจำคุกตลอดชีวิต ณ เรือนจำแห่งหนึ่งในรัฐเทกซัส สหรัฐฯ
วันที่ 20 ก.ย. 2566 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน นายบิลลี เชมิเมียร์ วัย 50 ปี ซึ่งถูกตัดสินรับโทษจำคุกตลอดชีวิตเมื่อปีที่แล้ว ในข้อหาฆาตกรรมผู้หญิงสูงอายุ 2 ราย ถูกพบเสียชีวิตในห้องขังของเขาที่เรือนจำคอฟฟิล์ด ยูนิต ทางฝั่งตะวันออกของรัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา
โฆษกกระทรวงยุติธรรมแห่งรัฐเทกซัส กล่าวว่า สาเหตุการเสียชีวิตของนายเชมิเมียร์คือถูกนักโทษร่วมห้องสังหาร โดยนักโทษรายดังกล่าวก็ถูกรับโทษจำคุกในข้อหาฆาตกรรมเช่นเดียวกัน
นายเชมิเมียร์เคยทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ในศูนย์ดูแลสุขภาพ ถูกจับกุมในข้อหาฆาตกรรมหญิงสูงวัย 13 รายในบ้านของพวกเขา ที่ดัลลัส เคาต์ตี และฆาตกรรมหญิงสูงวัยอีก 9 ราย ที่คอลลิน เคาต์ตี จากรายงานตำรวจ ระบุว่า นายเชมิเมียร์ได้ฆาตกรรมเหยื่อเหล่านั้นโดยการอุดปาก และอุดจมูกเพื่อให้พวกเขาขาดใจตาย ก่อนที่จะขโมยเครื่องประดับ และของมีค่าไปขาย ซึ่งเหยื่อทั้งหมดถูกสังหารในบ้านของพวกเขาเอง หรือไม่ก็ที่ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ
...
อย่างไรก็ดี การเสียชีวิตของเหยื่อกลุ่มแรก ๆ ถูกมองว่าเป็นการเสียชีวิตจากสาเหตุตามธรรมชาติ จนกระทั่งมีผู้เสียหายรายหนึ่ง ชื่อ แมรี บาร์เทล วัย 91 ปี เข้าแจ้งความกับตำรวจในปี 2561 ว่านายเชมิเมียร์ พยายามเอาหมอนมาอุดปากอุดจมูกเธอในบ้านพักคนชรา จนเธอสลบ และขโมยเครื่องประดับไป ตำรวจจึงได้เริ่มการสืบสวนคดีนายเชมิเมียร์อีกครั้ง
ตำรวจเข้าจับกุมนายเชมิเมียร์ขณะพยายามโยนกล่องใส่เครื่องประดับทิ้ง และในมือถือเครื่องประดับ และเงินจำนวนหนึ่ง โดนในกล่องเครื่องประดับพบชื่อของลู ธี แฮร์ริส วัย 81 ปี ที่เพิ่งเสียชีวิตเพียงหนึ่งวันก่อนการจับกุมนายเชมิเมียร์
นายเชมิเมียร์ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมหญิงสูงอายุ 22 คน ภายในเวลา 2 ปี เพื่อขโมยเครื่องประดับและของมีค่า โดย 13 ข้อหาถูกฟ้องที่ดัลลัส เคาน์ตี และอีก 9 ข้อหาที่คอลลิน เคาต์ตี รัฐเทกซัส และต่อมา นายเชมิเมียร์ได้ถูกตัดสินให้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต 2 ครั้ง จากการฆาตกรรมหญิง 2 รายแล้ว โดยไม่สามารถขออภัยโทษได้
ทั้งนี้ การเสียชีวิตของนายเชมิเมียร์ เกิดขึ้นเพียงสองสัปดาห์หลังจากที่รัฐเทกซัสสั่งล็อกดาวน์เรือนจำ 100 แห่ง เนื่องจากมีคดีฆาตกรรมภายในเรือนจำเพิ่มขึ้น ซึ่งเบื้องต้นสันนิษฐานว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องยาเสพติด.
ติดตามข่าวต่างประเทศได้ที่ : https://www.thairath.co.th/news/foreign