ผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงในประเทศโมร็อกโก เพิ่มขึ้นจนมากกว่า 2,900 ศพแล้ว ขณะที่ความหวังพบผู้รอดชีวิตลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวระดับ 6.8 แมกนิจูด เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 2,901 ศพแล้ว ในวันอังคารที่ 12 ก.ย. 2566 ขณะที่จำนวนผู้บาดเจ็บเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวที่ 5,530 ราย หลังเจ้าหน้าที่เข้าถึงพื้นที่ที่ถูกตัดขาดได้มากขึ้น
ผู้รอดชีวิตหลายคนต้องพักอาศัยในที่พักชั่วคราวต่อเนื่องมานาน 4 คืนแล้ว ขณะที่ชาวบ้านแถบภูเขาหลายคน ซึ่งถูกแรงสั่นสะเทือนทำลายอาคารบ้านเรือนจนแทบหมดสิ้น เริ่มออกมาแสดงความไม่พอใจว่าพวกเขายังไม่ได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐเลย
ปัจจุบัน เจ้าหน้าที่กู้ภัยของโมร็อกโกยังคงทำงานแข่งกับเวลา เพื่อค้นหาผู้รอดชีวิตแม้ว่าความหวังจะลดลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลที่ถูกตัดขาดด้วยดินถล่มกีดขวางถนน มีการยกระดับปฏิบัติการบรรเทาทุกข์ด้วยการตั้งเต็นท์และแจกน้ำกับอาหาร
แต่ดูเหมือนการแจกจ่ายไม่ทั่วถึง นายเมห์ดี เอต บูยาลี อายุ 24 ปี ซึ่งนอนในแคมป์บนถนน ตีซี เอ็น’เตสต์ (Tizi n'Test) ซึ่งเชื่อมเขตภูเขาห่างไกลกับเมืองมาร์ราเกช ร่วมกับผู้รอดชีวิตอีกหลายคนที่หมู่บ้านถูกทำลาย กล่าวว่า พวกเขาได้รับอาหารและผ้าห่มจากผู้ที่สัญจรผ่านมา แต่ยังไม่ได้อะไรจากภาครัฐเลย
ที่หมู่บ้านอามิซมิซ ชุมชนขนาดใหญ่บริเวณเชิงเขาแอตลาส ถูกเปลี่ยนเป็นศูนย์กลางความช่วยเหลือ ผู้ที่ไร้บ้านเพราะแผ่นดินไหวจำนวนหนึ่งได้รับเต็นท์สีเหลืองจากทางการเป็นที่พักชั่วคราว แต่อีกหลายคนยังต้องอาศัยเพียงผ้าห่มเท่านั้น
ทั้งนี้ หมู่บ้าน เคตโท (Kettou) เป็นหนึ่งในจุดที่เสียหายอย่างหนักเพราะแผ่นดินไหว แต่ชาวบ้านเคราะห์ดีรอดชีวิตทุกคน เนื่องจากตอนเกิดเหตุพวกเขากำลังเฉลิมฉลองพิธีแต่งงาน ทำให้ผู้คนออกมาร้องรำทำเพลงกันนอกบ้าน
...
แต่หลายหมู่บ้านไม่โชคดีแบบนั้น เช่นที่หมู่บ้าน อูร์กาเน (Ouirgane) บนเทือกเขาแอตลาส มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 30 ศพ ชาวบ้านส่วนใหญ่ต้องหลับนอนในเต็นท์หรือซากบ้านที่ยังหลงเหลือ และตอนนี้พวกเขาค้นหาเหยื่อแผ่นดินไหวรายสุดท้ายของหมู่บ้าน เป็นหญิงวัย 40 ปี ถูกฝังอยู่ใต้ซากอาคาร 2 ชั้น หลังพบศพลูกสาววัย 17 ปี ของเธอเมื่อบ่ายวันอังคาร