• สุดสะเทือนใจ แผ่นดินไหวโมร็อกโก ขนาด 6.8 คร่าชีวิตผู้คนอย่างน้อยเกือบ 2,700 ศพ บาดเจ็บกว่า 2,400 คน จนถือเป็นเหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดในโมร็อกโก ในรอบ 60 ปี
  • นักธรณีวิทยาชี้ ไม่เคยเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงเช่นนี้ในโมร็อกโกมาก่อน เพราะแรงสั่นสะเทือนไปไกลถึง 300 กิโลเมตร จากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว
  • ทีมกู้ภัยเร่งค้นหาผู้รอดชีวิตใต้ซากปรักหักพังของบ้านเรือน มีหลายหมู่บ้านพังราบเป็นหน้ากลอง จากเหตุแผ่นดินไหว ขณะที่เมืองมาร์ราเกซ หรือรู้จักในชื่อเมืองเมดินา เมืองมรดกโลก UNESCO และเมืองท่องเที่ยวสำคัญของโมร็อกโกได้รับความเสียหายหนักที่สุดในรอบ 120 ปี

ชาวโมร็อกโกเสียขวัญ หวาดกลัวกันทั้งประเทศ เมื่อเกิดเหตุภัยพิบัติแผ่นดินไหว ขนาด 6.8 จนทำให้อาคารบ้านเรือนพังพินาศจำนวนมาก และทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยเกือบ 2,700 ศพแล้ว และบาดเจ็บกว่า 2,400 ราย

เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงที่สุดในรอบ 60 ปี

เหตุแผ่นดินไหวโมร็อกโกครั้งนี้ มีขนาด 6.8 เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.11 น. ของวันที่ 8 ก.ย. (ตามเวลาท้องถิ่น) หรือตรงกับเวลา 05.11 น. ของวันที่ 9 ก.ย. ของไทย โดยศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ในพื้นที่ตอนกลางของเทือกเขาไฮแอตลาส (High Atlas)ใกล้กับเมืองอิกฮิล จังหวัดอัล ฮาอูซ ซึ่งอยู่บริเวณตีนเขา  จนนับเป็นการเกิดแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 60 ปี ของโมร็อกโก

ขณะที่ สำนักสำรวจธรณีวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกา (USGS) รายงานว่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหวในโมร็อกโกครั้งนี้ อยู่ห่างจากเมืองมาร์ราเกช ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ราว 71 กิโลเมตร และมีความลึกอยู่ที่ 18.5 กิโลเมตร จึงทำให้เมืองมาร์ราเกซ ซึ่งไม่ใช่แต่เพียงเป็นเมืองมรดกโลกของยูเนสโก (UNESCO) เท่านั้น แต่ยังถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศได้รับความเสียหายอย่างหนัก

...


เผชิญแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นในภูมิภาคนี้

'โมร็อกโก' มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ราชอาณาจักรโมร็อกโก ตั้งอยู่ชายฝั่งทางเหนือของทวีปแอฟริกา ติดกับมหาสมุทรแอตแลนติก และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยมีช่องแคบยิบรอบตาร์ ขวางกั้นระหว่างโมร็อกโก กับประเทศสเปน

ตามรายงานของ USGS ระบุว่า การเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.8. ที่โมร็อกโกครั้งนี้ นับเป็นเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นมาก่อนในภูมิภาคนี้ โดยที่ผ่านมา ไม่มีการบันทึกไว้ว่าเคยเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงที่สามารถวัดแรงสั่นสะเทือนได้ไกลถึง 300 กิโลเมตร จากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว

ในช่วง 48 ชั่วโมง ยังเกิดอาฟเตอร์ช็อก หรือแผ่นดินไหวต่อเนื่องตามมาถึงอย่างน้อย 20 ครั้งแล้ว หลังเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ โดยอาฟเตอร์ช็อกครั้งรุนแรงที่สุด มีขนาด 4.9

คริส เอลเดอร์ส นักธรณีวิทยาโครงสร้าง จากมหาวิทยาลัย Curtin ในออสเตรเลีย กล่าวด้วยความกังวลว่า ที่ผ่านมา ไม่เคยเกิดแผ่นดินไหวมากนักในโมร็อกโก และพื้นที่ที่เกิดแผ่นดินไหว ส่วนมากเป็นทางเหนือของโมร็อกโก บริเวณชายฝั่งติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งอยู่ใกล้กับแผ่นเปลือกโลก

ก่อนหน้านี้ เคยเกิดเหตุแผ่นดินไหวในโมร็อกโก ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดเมื่อปี ค.ศ. 1960 เมื่อเกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.8 ในเมืองอากาดีร์ ชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก และมีการระบุว่าประชากรในเมืองนี้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวถึง 1 ใน 3 หรือประมาณ 12,000-15,000 ศพ ไร้ที่อยู่อาศัยนับ 35,000 คน

ซับน้ำตาโมร็อกโก หลายหมู่บ้านพังพินาศ

ทีมกู้ภัยกำลังเร่งค้นหาผู้ประสบภัยที่ติดอยู่ใต้ซากบ้านเรือนที่พังถล่มหลังเกิดแผ่นดินไหว ขณะที่มีชาวบ้านพยายามใช้สองมือเปล่ารื้อซากปรักหักพังของบ้านเรือนเพื่อพยายามช่วยผู้รอดชีวิต อีกทั้งยังมีชาวโมร็อกโกพากันไปบริจาคเลือด เพื่อหวังช่วยชีวิตผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุแผ่นดินไหว

...

ด้านทางการโมร็อกโกกำลังเร่งให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัย โดยหลายหมู่บ้านได้รับความเสียหายอย่างหนัก มีบ้านเรือนพังราบจำนวนมาก อีกทั้งประชาชนยังขาดอาหาร น้ำดื่ม และที่พักอาศัย ในขณะที่การส่งความช่วยเหลือไปให้ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในบางพื้นที่ยังประสบปัญหาถนนถูกตัดขาด ไม่สามารถเข้าถึงได้ ในขณะที่มีรัฐบาล 4 ประเทศ อย่างเช่น สเปน ได้เสนอมอบความช่วยเหลือมาให้แก่ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในโมร็อกโก

เมืองมรดกโลก 'มาร์ราเกซ' เสียหายหนักสุดในรอบ 120 ปี

แผ่นดินไหวครั้งนี้ ทำให้ เมืองมาร์ราเกซ (Marrakech)หรือรู้จักในชื่อเมือง 'เมดินา' (Medina) เมืองมรดกโลกของ UNESCO ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหว ขนาด 6.8 จนนับเป็นเหตุแผ่นดินไหวที่ส่งผลกระทบต่อเมืองมาร์ราเกซครั้งรุนแรงที่สุดในรอบอย่างน้อย 120 ปี

เมืองมาร์ราเกซ นอกจากเป็นเมืองมรดกโลกของยูเนสโก (UNESCO) แล้ว ยังถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศโมร็อกโกอีกด้วย โดยสิ่งปลูกสร้างจำนวนมากในเมืองมาร์ราเกซ ได้รับความเสียหายและมีบางแห่งพังลงมาทั้งหมด 

...

ส่วนบริเวณนอกเมืองมาร์ราเกซ น่าเสียดาย ที่มัสยิดโบราณ Tinmal ซึ่งสร้างมาตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 12 บนเทือกเขา High Atlas ได้รับความเสียหายอย่างหนักเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ยังมีเรื่องที่ทำให้ชาวโมร็อกโกโล่งอก เมื่อมัสยิดคูตูเบีย (Kutubiyya)ซึ่งถือเป็นมัสยิดเก่าแก่ ล้ำค่าที่สุดของเมืองมาร์ราเกซ จนถูกยกให้เป็น 'เพชรประดับยอดมงกุฎ' ของเมืองมาร์ราเกซนั้น สามารถยืนยงคงอยู่ได้ เพียงแต่เกิดการสั่นไหวจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้เท่านั้น

ผู้เขียน: อรัญญา ศรีจันทรนิตย์

ที่มา : AljazeeraBBC ,CNN