• ในขณะที่ตลาดบุหรี่ไฟฟ้าทั่วโลกกำลังเติบโตขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้รัฐบาลหลายประเทศ เริ่มหันมาพิจารณาการแบนบุหรี่ไฟฟ้า หรือออกกฎหมายควบคุมการใช้งาน
  • ปัจจุบันมีมากกว่า 40 ประเทศทั่วโลกที่มีการแบนบุหรี่ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นการสั่งห้ามการครอบครอง การใช้งาน การจำหน่าย หรือแม้แต่การนำเข้า แต่บางประเทศมองว่าการแบนจะยิ่งส่งเสริมให้ประชาชนซื้อหาจากตลาดมืดมากขึ้น จึงผลักดันให้เป็นเรื่องถูกกฎหมาย
  • ฝรั่งเศสเป็นประเทศล่าสุดที่ออกมาประกาศท่าทีห้ามการใช้งานบุหรี่ไฟฟ้า ประเภทใช้แล้วทิ้ง เนื่องจากมองว่าเป็นตัวการสร้างปัญหาสุขภาพให้แก่พลเมือง

ปัจจุบันมีมากกว่า 40 ประเทศทั่วโลกที่มีการแบนบุหรี่ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นการสั่งห้ามการครอบครอง การใช้งาน การจำหน่าย หรือแม้แต่การนำเข้า แต่บางประเทศมองว่าการแบนจะยิ่งส่งเสริมให้ประชาชนซื้อหาจากตลาดมืดมากขึ้น จึงผลักดันให้เป็นเรื่องถูกกฎหมาย แม้งานวิจัยในระยะหลังชี้ว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้า ส่งผลเสียต่อสุขภาพแทบไม่ต่างกับการสูบบุหรี่ธรรมดาก็ตาม

อย่างในอังกฤษรัฐบาลกลางยังคงส่งเสริมให้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า เพราะมองว่าการสูบบุหรี่สร้างภาระค่าใช้จ่ายให้กับบริการสุขภาพแห่งชาติของสหราชอาณาจักร จึงหวังว่าการที่สิงห์อมควันเปลี่ยนมาใช้บุหรี่ไฟฟ้า จะเป็นการช่วยชีวิตเพราะจะสามารถเลิกบุหรี่ธรรมดาลงได้ และลดค่าใช้จ่ายลง

...

ส่วนในสหรัฐอเมริกา องค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ มีการรับรองผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้านับตั้งแต่ปี 2016 แล้ว แต่เพิ่งจะมีการจำกัดการแต่งกลิ่นและสั่งห้ามการจำหน่ายออนไลน์ในบางรัฐ เช่น รัฐอาร์คันซอ รัฐจอร์เจีย รัฐเมน รวมทั้งนิวยอร์ก ขณะที่แคนาดาตามรอยประเทศอังกฤษเป็นช่วงสั้นๆ ก่อนที่จะมีการจำกัดปริมาณนิโคติน และควบคุมการแต่งรสชาติที่แปลกประหลาดจนเกินไป

ขณะที่ประเทศฝรั่งเศส เป็นประเทศล่าสุด ที่มีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า โดยนางเอลิซาเบธ บอร์น นายกรัฐมนตรีของฝรั่งเศส ได้ออกมาประกาศแผน ห้ามการใช้งานบุหรี่ไฟฟ้า ประเภทใช้แล้วทิ้ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายต่อสู้กับยาสูบ เนื่องจากมองว่าบุหรี่ไฟฟ้าก็เป็นตัวการสร้างปัญหาสุขภาพให้แก่พลเมือง โดยบุหรี่ถือเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของพลเมืองชาวฝรั่งเศสราว 75,000 รายในแต่ละปี

สำหรับประเทศที่มีการสั่งห้ามการจำหน่ายหรือห้ามการใช้งานบุหรี่ไฟฟ้าทั่วโลก มีรายละเอียดในการสั่งแบนแตกต่างกัน ดังนั้นหากจะต้องเดินทางไปต่างประเทศควรจะต้องศึกษารายละเอียดข้อห้ามของประเทศนั้นๆ อย่างละเอียดก่อนเดินทาง

โดยประเทศที่สามารถใช้งานบุหรี่ไฟฟ้าได้อย่างถูกกฎหมาย แต่ห้ามจำหน่าย หรือห้ามนำเข้า ได้แก่ แอนติกาและบาร์บูดา อาร์เจนตินา ภูฏาน บราซิล บรูไน ชิลี โคลอมเบีย อียิปต์ เอธิโอเปีย กานา ฮ่องกง อินเดีย อิหร่าน จาเมกา คูเวต เลบานอน มาเก๊า มาเลเซีย มอริเชียส เม็กซิโก เนปาล นอร์เวย์ โอมาน ปานามา เกาะเซเชลส์ ศรีลังกา ซูรินาม ติมอร์เลสเต เติร์กเมนิสถาน ตุรกี ยูกันดา อุรุกวัย และประเทศไทย

ส่วนประเทศที่คุมเข้มให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งผิดกฎหมายไม่ว่าจะเพื่อใช้งาน หรือเพื่อจำหน่ายก็ตามก็มีหลายประเทศ เช่น กัมพูชา ติมอร์ตะวันออก แกมเบีย ลาว เมียนมา นิการากัว เกาหลีเหนือ ปาเลา กาตาร์ สิงคโปร์ ซีเรีย ไต้หวัน นครรัฐวาติกัน และเวเนซุเอลา

นอกจากนั้นก็ยังมีประเทศออสเตรเลีย ที่อนุญาตให้ใช้งานได้อย่างถูกกฎหมาย แต่การครอบครองนิโคตินโดยไม่มีใบสั่งจากแพทย์เป็นเรื่องผิดกฎหมาย หากมีการนำเข้าสารนิโคตินผิดกฎหมายจะมีโทษปรับสูงถึง 222,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย ขณะที่บังกลาเทศและสหรัฐฯ ยังไม่มีกฎหมายควบคุมการใช้งาน หรือการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า แต่อาจจะมีข้อจำกัดในรายละเอียดที่แตกต่างกันในแต่ละรัฐ โดยเฉพาะการควบคุมการใช้งานในกลุ่มเยาวชน 

...

แม้ว่าปัจจุบันนี้ ผู้บริโภคอาจจะยังไม่สามารถประเมินถึงผลข้างเคียงและความเสี่ยงที่จะได้รับจากการใช้งานบุหรี่ไฟฟ้าได้ทันที แต่งานวิจัยในระยะหลังค่อนข้างที่จะแน่ชัดว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ช่วยให้สามารถเลิกบุหรี่ได้ง่ายขึ้น รวมทั้งการสูบบุหรี่ไฟฟ้ายังเป็นอันตรายต่อสุขภาพใกล้เคียงหรืออาจจะมากกว่าการสูบบุหรี่ธรรมดา เนื่องจากผู้ใช้สามารถเติมสารนิโคตินลงไปได้ในปริมาณมากและไม่สามารถรู้ได้เลยว่าในบุหรี่ไฟฟ้าแต่ละอันมีสารประกอบใดๆ อยู่บ้าง ซึ่งคาดว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะเริ่มเห็นผลกระทบด้านสุขภาพที่ตามมาในระยะยาวได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และอาจจะสายเกินไปที่จะฟื้นฟูสุขภาพของกลุ่มเยาวชนที่กลายเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของบุหรี่ไฟฟ้าไปแล้ว.

ผู้เขียน : อาจุมมาโอปอล

ที่มา : vaping360.com , reuters , Harvard health

ติดตามรายงานพิเศษที่น่าสนใจได้ที่ "รายงานพิเศษ"