ทีมสืบสวนของญี่ปุ่นเรียกร้องให้หลานสาวของ จอห์นนี คิตากาวะ ลาออกจากตำแหน่งซีอีโอบริษัท Johnny เพื่อรับผิดชอบต่อการละเมิดศิลปินที่นักปั้นชื่อดังผู้ล่วงลับรายนี้ก่อขึ้น

เมื่อวันอังคารที่ 29 ส.ค. 2566 คณะกรรมการสืบสวนอิสระของญี่ปุ่น เผยแพร่รายงานการสืบสวนข้อกล่าวหาของนาย จอห์นนี คิตากาวะ เรื่องการล่วงละเมิดทางเพศศิลปินหลายสิบราย โดยพวกเขาเรียกร้องให้นางจูเลีย เคอิโกะ ฟุจิชิมะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท Johnny and Associates หลานสาวของนายคิตากาวะ ลาออกเพื่อรับผิดชอบด้วย

อนึ่ง สารคดีของ บีบีซี ซึ่งเผยแพร่ในเดือนเมษายน เปิดโปงเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศศิลปินของนายคิตากาวะ ผู้ได้ชื่อว่าเป็นบิดาแห่งวงการไอดอลของญี่ปุ่นและบริษัทจัดหาศิลปินของเขาแทบจะผูกขาดอุตสาหกรรมบอยแบนด์ในประเทศมานานหลายสิบปี

อย่างไรก็ตาม ข้อกล่าวหาเรื่องการล่วงละเมิดหรือเอาเปรียบทางเพศกลับไล่ตามเขามาตลอดสายอาชีพ บางคดีได้รับการพิสูจน์ในศาลแพ่ง แต่ตัวเขาไม่เคยถูกตั้งข้อกล่าวหาเลย เขายังคงเฟ้นหาและฝึกฝนศิลปินหนุ่มจนกระทั้งเสียชีวิตเมื่อ 4 ปีก่อน ขณะมีอายุ 87 ปี และมีพิธีศพอย่างยิ่งใหญ่ระดับประเทศ แม้แต่นายกรัฐมนตรียังส่งข้อความแสดงความเสียใจ

เมื่อเดือนมิถุนายน บริษัท Johnny and Associates ออกแถลงการณ์ขอโทษ แต่ดูเหมือนจะไม่เพียงพอสำหรับเหล่าแฟนๆ และครอบครัวของศิลปิน เพราะไม่มีการยอมรับว่าข้อกล่าวหาเป็นเรื่องจริง และอ้างว่าเธอไม่รู้เรื่องการกระทำของนายคิตากาวะซึ่งเป็นลุงของเธอ

ในวันอังคารที่ 29 ส.ค. คณะกรรมการสืบสวนอิสระระบุในรายงานว่า การบริหารด้วยคนในครอบครัวของบริษัท Johnny and Associates เป็นหนึ่งในสาเหตุใหญ่ที่สุดที่ทำให้การบริหารล้มเหลว ซึ่งทำให้การล่วงละเมิดต่อเนื่องยาวนานหลายทศวรรษ ดังนั้น การเปลี่ยนตัวนาง ฟุจิชิมะ จากตำแหน่งประธานและซีอีโอ จึงเป็นส่งจำเป็น

...

คณะกรรมการระบุอีกว่า เปลี่ยนตัวผู้บริหารจะทำให้ Johnny and Associates สามารถปรับโครงสร้างผู้นำของบริษัทได้ และเรียกร้องให้บริษัทจ่ายเงินชดเชยแก่ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของนายคิตากาวะด้วย

ทั้งนี้ นาย มาโคตะ ฮายาชิ อดีตอัยการญี่ปุ่น กับจิตแพทย์ และนักจิตวิทยาคลินิกอีก 1 คน ได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการอิสระสืบสวนข้อกล่าวหาเกี่ยวกับนายคิตากาวะ โดยพวกเขาสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้อง 41 คน ซึ่งรวมถึงนางฟุจิชิมะ และเหยื่อจำนวน 23 คนด้วย

พวกเขาพบว่า คิตากาวะก่อเหตุกับชายหนุ่มจำนวนมากตั้งแต่ช่วงกลางทศวรรษที่ 1950 ไปจนถึงช่วงปี 2010

ขณะที่คณะทำงานสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน เผยแพร่รายงานเมื่อต้นเดือนสิงหาคม โดยพวกเขาพบว่าคิตากาวะลวนลามเด็กหนุ่มหลายร้อยคน และพบด้วยว่า สภาพแวดล้อมการทำงานในอุตสาหกรรมบันเทิงของญี่ปุ่นนั้น เอื้อให้ผู้กระทำผิดทางเพศสามารถลงมือได้โดยไม่ถูกลงโทษ

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : bbc