อัยการพิเศษสหรัฐฯ ฟ้องนายทรัมป์ เพิ่มอีก 4 ข้อหา โดยในเอกสารคำฟ้องเปิดเผยคำโกหก 21 เรื่องของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เป็นเชื้อไฟนำไปสู่การจลาจลที่รัฐสภาเมื่อ 2 ปีก่อนไว้ด้วย
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า อัยการพิเศษ แจ็ก สมิธ กล่าวในวันอังคารที่ 1 ส.ค. 2566 ว่า เหตุจลาจลที่อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2564 นั้น ถูกเติมเชื้อไฟจากคำโกหกที่พูดโดยอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และในเอกสารคำฟ้อง 4 ข้อหาอาชญากรรมร้ายแรงใหม่ที่เขายื่นต่อศาล ก็แจกแจงคำโกหกของนายทรัมป์เอาไว้บางส่วน
คำโกหก 21 เรื่องที่ถูกระบุเอาไว้ในเอกสารคำฟ้อง 45 หน้า แสดงให้เห็นถึงความพยายามของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะพลิกกลับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2563, ขอบข่ายของความไม่ซื่อสัตย์ และความตั้งใจของเขาที่จะเผยแพร่คำโกหกต่อไป แม้คำโกหกเหล่านั้นจะถูกทักท้วงหรือถูกหักล้างแล้วก็ตาม

คำโกหก 21 เรื่องในเอกสารคำฟ้องของอัยการพิเศษสหรัฐฯ มีดังนี้
1) โกหกว่า มีการฉ้อโกงเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้ง 2563, ว่าแท้จริงแล้วทรัมป์เป็นผู้ชนะ และว่าการเลือกตั้งถูกปล้นไป
...
คำกล่าวอ้างที่ว่าการเลือกตั้งถูกปล้นไปโดยผู้ชนะที่มาจากการฉ้อโกงขนาดมหึมา เป็นคำโกหกลำดับ 1 ที่นายทรัมป์ใช้กล่าวหาการเลือกตั้งครั้งนั้นมาตลอดจนถึงตอนนี้ แต่เอกสารคำฟ้องระบุว่า นายทรัมป์รู้ตั้งแต่ปี 2563 แล้วว่า คำพูดของเขาไม่จริง และถูกทักท้วงโดยเจ้าหน้าที่อาวุโสหลายคนในรัฐบาลของเขาเอง รวมถึงพันธมิตรนอกรัฐบาลกลางด้วย แต่เขาก็ยังพูดเรื่องนี้เรื่อยมา รวมถึงในวันที่ 6 ม.ค.
2) โกหกว่า สมาชิกคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ตัวปลอมใน 7 รัฐ เป็นสมาชิกที่ถูกต้องตามกฎหมาย
เอกสารคำฟ้องกล่าวหาว่า นายทรัมป์กับผู้สมรู้ร่วมคิดของเขา จัดเตรียมรายชื่อคณะผู้เลือกตั้งตัวปลอมเอาไว้ และทำให้รายชื่อเหล่านั้นถูกส่งไปยังรองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ และเจ้าหน้าที่รัฐบาลคนอื่นๆ เพื่อพยายามทำให้พวกเขาถูกนับรวมในการนับคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง (electoral vote) ของสภาคองเกรสในวันที่ 6 ม.ค.
3) โกหกว่า กระทรวงยุติธรรมพบความกังวลอย่างมีนัยสำคัญที่อาจกระทบต่อผลลัพธ์ของการเลือกตั้ง
นายวิลเลียม บาร์ อัยการสูงสุดสหรัฐฯ ของรัฐบาลทรัมป์ กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆ ในกระทรวง บอกนายทรัมป์แล้วว่า คำกล่าวอ้างดังกล่าวนั้นไม่เป็นความจริง แต่เอกสารคำฟ้องกล่าวหานายทรัมป์ว่า ยังคงพยายามให้กระทรวงยุติธรรมส่งคำกล่าวอ้างที่รู้ทั้งรู้ว่าไม่จริงนี้ ไปยังเจ้าหน้าที่ในรัฐที่กำหนด ผ่านจดหมายอย่างเป็นทางการภายใต้ลายเซ็นของรักษาการอัยการสูงสุด เพื่อสนับสนุนความพยายามของรัฐบาลกลางในการกดดันอย่างไม่เหมาะสม ให้รัฐที่กำหนดแทนที่คณะผู้เลือกตั้งที่ถูกต้องตามกฎหมายของไบเดนกับคณะผู้เลือกตั้งของเขาเอง

4) โกหกว่า ไมค์ เพนซ์ มีอำนาจปฏิเสธคะแนนคณะผู้เลือกตั้งของไบเดนได้
นายเพนซ์บอกนายทรัมป์หลายครั้งว่า เขาไม่มีสิทธิตามกฎหมายหรืออำนาจใดๆ ตามรัฐธรรมนูญ ที่จะส่งคะแนนโหวตของคณะผู้เลือกตั้งกลับไปยังรัฐของพวกเขาตามที่นายทรัมป์ต้องการ แต่เอกสารคำฟ้องระบุว่า นายทรัมป์ยังคงพูดซ้ำๆ ว่า นายเพนซ์สามารถทำได้ ครั้งแรกที่การสนทนาส่วนตัวและที่การประชุมในทำเนียบขาว ตามด้วยข้อความบนทวิตเตอร์ในวันที่ 5 กับ 6 ม.ค. และระหว่างการปราศรัยที่การชุมนุมในกรุงวอชิงตันก่อนที่การจลาจลจะเริ่มขึ้น ซึ่งนายทรัมป์แสดงความไม่พอใจนายเพนซ์ กล่าวหาว่า ใส่คำกล่าวอ้างที่ไม่เป็นจริงนั้นในแถลงการณ์ที่เตรียมไว้ของเขา แม้ที่ปรึกษาจะนำออกไปแล้วก็ตาม
5) โกหกว่า รองประธานาธิบดีกับตัวเขา เห็นตรงกันว่า รองประธานาธิบดีมีอำนาจปฏิเสธคะแนนคณะผู้เลือกตั้งได้
เอกสารคำฟ้องกล่าวหาว่า 1 วันก่อนเกิดการจลาจล นายทรัมป์อนุมัติให้ทีมหาเสียงของเขา ออกแถลงการณ์ที่ไม่เป็นความจริง ระบุว่า นายเพนซ์เห็นด้วยกับเขาเรื่องอำนาจในการปฏิเสธคะแนนของคณะผู้เลือกตั้ง ทั้งที่นายทรัมป์รู้อยู่ก่อนแล้วว่าไม่เป็นความจริง เนื่องจากในการพบกันตัวต่อตัวกับนายเพนซ์ ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านั้น นายเพนซ์ยืนยันซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าไม่เห็นด้วย
6) โกหกว่า ที่รัฐจอร์เจียมีบัตรลงคะแนนเลือกตั้งหลายพันใบที่ลงคะแนนภายใต้ชื่อของคนที่ตายไปแล้ว
เอกสารคำฟ้องระบุว่า นาย แบรด ราฟเฟนสเปอร์เกอร์ เลขาธิการรัฐจอร์เจีย ผู้สังกัดพรรครีพับลิกัน อธิบายให้นายทรัมป์ฟังผ่านทางโทรศัพท์เมื่อ 2 ม.ค. 2564 ว่า คำกล่าวอ้างนี้ไม่เป็นความจริง แต่นายทรัมป์ยังนำไปพูดซ้ำในการปราศรัยวันที่ 6 ม.ค. โดยนายราฟเฟนสเปอร์เกอร์บอกนายทรัมป์ว่า พบความเป็นไปได้ที่จะมีการใช้ชื่อคนตายมาโหวตเพียง 2 กรณีเท่านั้น ขณะที่อัปเดตล่าสุดเมื่อปลายปี 2564 จำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 4 กรณี
...
7) โกหกว่า ที่รัฐเพนซิลเวเนียมีคะแนนโหวตมากกว่าจำนวนผู้มาใช้สิทธิจริงถึง 205,000 คะแนน
เอกสารคำฟ้องระบุว่า นายเจฟฟรีย์ โรเซน รักษาการอัยการสูงสุดของนายทรัมป์ในตอนนั้น รวมถึงนายริชาร์ด โดน็อก รักษาการรองอัยการสูงสุด บอกนายทรัมป์แล้วว่า คำกล่าวอ้างนี้ไม่เป็นความจริง แต่นายทรัมป์ยังคงนำมาพูดซ้ำๆ รวมถึงในการปราศรัยวันที่ 6 ม.ค.

8) โกหกว่า มีการเพิ่มคะแนนโหวตอย่างน่าสงสัยที่เมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน
ตามที่ระบุไว้ในเอกสารคำฟ้อง นายบาร์บอกนายทรัมป์เมื่อ 1 ธ.ค. 2563 ว่าเรื่องนี้ไม่จริง โดยหลายคนเชื่อว่า สิ่งที่นายทรัมป์พูดถึงเป็นเพียงบัตรเลือกตั้งที่กำลังถูกนับแล้วนำคะแนนมาเพิ่มในยอดที่เปิดเผยต่อสาธารณะตามปกติ แต่ทรัมป์ยังคงพูดถึงคำกล่าวอ้างนี้ซ้ำๆ ในการปราศรัยวันต่อมา โดยที่นายบาร์ไม่ใช่คนเดียวที่ทักท้วงนายทรัมป์เรื่องนี้ แต่ยังรวมถึงนาย ไมค์ เชอร์คีย์ ผู้นำเสียงข้างมากวุฒิสภารัฐมิชิแกน ที่บอกว่า ทรัมป์ไม่ได้แพ้เลือกตั้งในรัฐนี้เพราะการฉ้อโกง แต่เป็นเพราะเขาทำผลงานไม่ดีกับผู้โหวตบางกลุ่มต่างหาก
...
9) โกหกว่า ที่รัฐเนวาดามีคะแนนโหวตหลายหมื่นคะแนนที่เกิดจากการมาใช้สิทธิซ้ำ และข้อกล่าวหาอื่นๆ
นางบาร์บารา เคกาฟสกี เลขาธิการรัฐเนวาดา ผู้เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่เลือกตั้งสังกัดพรรครีพับลิกัน ถึงขั้นโพสต์เอกสารชื่อว่า “ข้อเท็จจริงกับเรื่องแต่ง” เพื่ออธิบายว่า ผู้พิพากษาในรัฐเนวาดา ปฏิเสธคำกล่าวอ้างของนายทรัมป์
10) โกหกว่า มีผู้ที่ไม่ใช่พลเมืองสหรัฐฯ มากกว่า 30,000 คนไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในรัฐแอริโซนา
เอกสารคำฟ้องระบุว่า ทรัมป์ระบุตัวเลขไว้ที่ มากกว่า 36,000 คน ในการปราศรัยเมื่อวันที่ 6 ม.ค. แต่ผู้จัดการทีมหาเสียงของเขาเอง อธิบายให้เขาฟังไปแล้วว่าข้อกล่าวอ้างนี้ไม่เป็นความจริง และนายรัสตี โบเวอร์ส ประธานสภาผู้แทนราษฎรรัฐแอริโซนา ซึ่งสังกัดพรรครีพับลิกันและสนับสนุนนายทรัมป์มาตลอด ก็ออกแถลงการณ์ต่อสาธารณะ ระบุว่า ไม่มีหลักฐานว่าเกิดการฉ้อโกงขนาดใหญ่ในแอริโซนา
11) โกหกว่า เครื่องนับคะแนนโหวตในรัฐสวิงสเตท เปลี่ยนผลโหวตจากทรัมป์เป็นไบเดน
นี่คือหนึ่งในทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับเครื่องนับคะแนนโหวตของบริษัท โดมิเนียน โวตติ้ง ซิสเต็มส์ (Dominion Voting System) ซึ่งนายทรัมป์พูดถึงมาอย่างยาวนาน แม้จะถูกหักล้างไปแล้วโดยฝ่ายความปลอดภัยทางไซเบอร์ในทีมหาเสียงของตัวเขาเองและคนอื่นๆ นอกจากนั้น อัยการสูงสุด, รักษาการอัยการสูงสุด และรักษาการรองอัยการสูงสุดของนายทรัมป์ ก็อธิบายให้เขาฟังแล้วว่า เรื่องนี้ไม่จริง รวมถึงมีการนับคะแนนกับตรวจสอบใหม่หลายครั้งเพื่อยืนยันความแม่นยำของเครื่องแล้ว
12) โกหกว่า มีผู้ที่ไม่ใช่พลเรือน, ไม่ใช่ผู้อยู่อาศัย (ในสหรัฐฯ) และคนตาย ไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในรัฐแอริโซนาอย่างไม่ถูกต้อง
...
เอกสารคำฟ้องกล่าวหาว่า นายทรัมป์และผู้สมรู้ร่วมคิด ซึ่งสื่อสหรัฐฯ อย่าง ซีเอ็นเอ็น ระบุว่าคือนายรูดี้ จูลิอานี อดีตทนายความของนายทรัมป์ สร้างคำกล่าวอ้างที่ไม่มีมูลนี้ขึ้นมาเมื่อ 22 พ.ค. 2563 ระหว่างโทรศัพท์คุยกับนายโบเวอร์ โดยที่นายจูลิอานีไม่เคยแสดงหลักฐานใดๆ สนับสนุน และพูดระหว่างการพบกับนายโบเวอร์เมื่อ 1 ธ.ค. 2563 ว่า “เราไม่มีหลักฐาน แต่เรามีทฤษฎีมากมาย”

14) โกหกว่า เจ้าหน้าที่เลือกตั้งในเขตฟูลตัน เคาน์ตี รัฐจอร์เจีย แอบเอาบัตรเลือกตั้งหลายใบไปใส่ในหีบเลือกตั้ง
แม้จะถูกโต้แย้งไปแล้วว่าไม่เป็นความจริง แต่นายทรัมป์ยังคงพูดถึงเรื่องนี้ในปี 2566 ว่า มีเจ้าหน้าที่เลือกตั้งในเมืองแอตแลนตา 2 คนถูกถ่ายวิดีโอไว้ได้ขณะกระทำผิด แต่ในความเป็นจริงแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้ง 2 คนเพียงทำงานของพวกเขาและในเอกสารคำฟ้องของอัยการพิเศษก็ระบุว่า พวกเขาได้รับการตัดสินว่าไม่มีความผิดไปแล้วตั้งแต่ปี 2563 แต่นายทรัมป์ยังคงอ้างถึงเรื่องนี้ แม้นายราฟเฟนสเปอร์เกอร์กับเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมจะบอกเขาหลายครั้งว่า คำกล่าวอ้างนี้ไม่มีมูล
15) โกหกว่า ผู้โหวตที่ย้ายออกจากจอร์เจียไปอยู่รัฐอื่น กลับมาโหวตในจอร์เจียอย่างไม่เหมาะสม
นายทรัมป์อ้างถึงเรื่องนี้ในวันที่ 2 ม.ค. 2564 ระหว่างการโทรศัพท์คุยกับนายราฟเฟนสเปอร์เกอร์ ซึ่งชี้แจงในเวลาต่อมาว่า เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ผู้โหวตดังกล่าวย้ายกลับมาอยู่จอร์เจียนานหลายปีแล้ว และกาบัตรเลือกตั้งอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
16) โกหกว่า นายราฟเฟนสเปอร์เกอร์ ไม่เต็มหรือไม่สามารถที่จะหักล้างคำกล่าวอ้างของนายทรัมป์ เรื่องการยัดบัตรเลือกตั้ง, การทำลายบัตร, เรื่องผู้โหวตจากนอกรัฐ, ผู้โหวตที่เสียชีวิตไปแล้ว และอื่นๆ
นายทรัมป์ทวีตข้อความโจมตีนายราฟเฟนสเปอร์เกอร์ ซึ่งก็ไม่เป็นความจริง เพราะหลังจากการคุยโทรศัพท์เมื่อ 2 ม.ค. 2564 นายราฟเฟนสเปอร์เกอร์กับเจ้าหน้าที่ของเขาก็ออกมาพูดถึงและแก้ข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นความจริงของนายทรัมป์ทั้งหมด
17) โกหกว่า เกิดการฉ้อโกงขนาดใหญ่ในรัฐวิสคอนซิน และมีการโหวตอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมายหลายหมื่นเสียง
ทรัมป์อ้างถึงเรื่องนี้อย่างกว้างๆ ในทวีตเมื่อ 21 ธ.ค. 2563 หลังศาลสูงสุดตัดสินยืนยันให้โจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้ง และพูดเรื่องนี้อีกครั้งในการปราศรัยเมื่อ 6 ม.ค.

18) โกหกว่า รัฐวิสคอนซินมีคะแนนโหวตมากกว่าจำนวนผู้ที่มาใช้สิทธิจริงๆ
คล้ายกับกรณีที่รัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งไม่เป็นความจริง โดยนายทรัมป์พูดถึงเรื่องนี้ระหว่างการสนทนากับนายโรเซน รักษาการอัยการสูงสุด และนายโดน็อก รักษาการรองอัยการสูงสุด เมื่อ 27 ธ.ค. 2563 ซึ่งแจ้งกับเขาแล้วว่าเรื่องนี้ไม่จริง
19) โกหกว่า มีการทุจริตการเลือกตั้ง
เมื่อ 27 ธ.ค. 2563 นายโรเซนบอกกับนายทรัมป์ในการคุยโทรศัพท์ว่า กระทรวงยุติธรรมไม่สามารถ และจะไม่เปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ของการเลือกตั้ง ซึ่งนายทรัมป์ตอบกลับมาว่า “แค่บอกไปว่ามีการทุจริตเลือกตั้ง แล้วที่เหลือปล่อยผมกับสมาชิกคองเกรสรีพับลิกันจัดการเอง”
20) โกหกว่า ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งในทุกรัฐโดยมีคะแนนโหวตนับแสน
เอกสารคำฟ้องระบุว่า เมื่อ 4 ม.ค. 2564 นายทรัมป์ซึ่งพยายามโน้วน้าวให้นายเพนซ์ปฏิเสธคะแนนคณะผู้เลือกตั้งของไบเดนอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย อ้างว่า เขาชนะการเลือกตั้งในทุกรัฐด้วยคะแนนโหวตนับแสน ซึ่งไม่มีทางเกิดขึ้นจริงได้
21) โกหกว่า รัฐเพนซิลเวเนียต้องการเปลี่ยนการรับรองผู้ชนะเลือกตั้ง
ทรัมป์พูดเรื่องนี้ในวันที่ 6 ม.ค. แต่ในความเป็นจริงแล้ว สมาชิกสภารีพับลิกันของรัฐเพนซิลเวเนียบางคน แสดงความต้องการที่จะชะลอกระบวนการของสภาคองเกรส ในการรับรองชัยชนะนายไบเดน แต่ผู้ว่าการรัฐและหัวหน้าเจ้าหน้าที่เลือกตั้ง ซึ่งมีอำนาจในการยืนยันผลการเลือกตั้งในรัฐนั้นๆ ระบุว่า ไม่มีความต้องการที่จะเปลี่ยนการรับรองชัยชนะของไบเดนแต่อย่างใด
ที่มา : cnn