- 'คลัสเตอร์บอมบ์' อาวุธต้องห้าม ที่กว่า 100 ประเทศทั่วโลกร่วมแบน ลงนามห้ามใช้ ถูกส่งจากสหรัฐฯ มาถึงยูเครนเป็นที่เรียบร้อย หลังจากรบ.ไบเดนได้ประกาศการตัดสินใจที่จะส่งคลัสเตอร์บอมบ์ มาให้แก่ยูเครน จนถูกวิจารณ์อย่างหนักก่อนหน้าหนึ่งสัปดาห์
- คลัสเตอร์บอมบ์ คืออะไร? ทำไมเป็นอาวุธต้องห้าม ที่กว่า 100 ประเทศร่วมจับมือกันห้ามใช้ ในขณะที่ชาติมหาอำนาจทางทหารอย่างสหรัฐฯ และรัสเซีย รวมทั้งประเทศที่กำลังเผชิญสงครามอย่าง ยูเครน กลับไม่ยอมร่วมลงนามที่จะแบนคลัสเตอร์บอมบ์ด้วย
- รบ.ไบเดนอ้างว่าการตัดสินใจที่จะส่งคลัสเตอร์บอมบ์มาให้ยูเครน เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก แต่สุดท้ายสหรัฐฯ ก็ยอมส่งมาให้ยูเครนตามคำร้องขอ จนถูกกลุ่มสิทธิมนุษยชนต่างๆวิจารณ์อย่างหนักว่าไร้จริยธรรมในการทำสงคราม
แล้วในที่สุด ‘คลัสเตอร์บอมบ์’ หรือ ‘ระเบิดลูกปราย’ จากสหรัฐฯ ก็ถูกส่งมาถึงยูเครนเป็นที่เรียบร้อยเมื่อ 14 ก.ค. ที่ผ่านมา หลังจากรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ออกมาประกาศก่อนหน้าหนึ่งสัปดาห์ ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ตัดสินใจจะส่งคลัสเตอร์บอมบ์มาให้ยูเครน จนถูกกลุ่มสิทธิมนุษยชนและสหประชาชาติวิพากษ์วิจารณ์และตั้งคำถามในเรื่องจริยธรรมทันที
ประธานาธิบดีไบเดนอ้างว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ตัดสินใจยากลำบากทีเดียวในการที่จะส่งคลัสเตอร์บอมบ์ไปให้ยูเครน ตามคำขอ เพื่อหวังจะนำอาวุธสุดโหดต้องห้าม ที่ถูก ‘แบน’ จากกว่า 100 ประเทศ มาใช้ในปฏิบัติการโต้กลับ ยึดคืนพื้นที่ที่รัสเซียยึดครองไปได้ นับตั้งแต่เปิดฉากทำสงครามในยูเครน
...
คลัสเตอร์บอมบ์ คืออะไร?
‘คลัสเตอร์บอมบ์’ ซึ่งความจริงแล้ว ภาษาอังกฤษใช้คำว่า ‘Cluster munitions’ ถูกใช้ครั้งแรกในสงครามโลกครั้งที่ 2
คลัสเตอร์บอมบ์ เป็นระเบิดที่บรรจุลูกระเบิดขนาดเล็กๆ ไว้ภายในจำนวนมาก โดยสามารถทิ้งคลัสเตอร์บอมบ์ ลงจากเครื่องบิน หรือยิงจากเครื่องยิงขีปนาวุธ และปืนใหญ่ จากนั้น คลัสเตอร์บอมบ์จะระเบิดกลางอากาศ ทำให้ระเบิดลูกเล็กๆ ข้างในกระจายออกสังหารผู้คนและทำลายอาวุธยุทธโธปกรณ์ของฝ่ายข้าศึกได้เป็นบริเวณกว้าง
ชนิดของคลัสเตอร์บอมบ์ ที่สหรัฐฯ ส่งให้ยูเครน
สหรัฐฯ ได้มีการกักตุน คลัสเตอร์บอมบ์ ที่รู้จักในชื่อ DPICMs หรือ dual-purpose improved conventional munitions และไม่ใช้แล้ว หลังถูกโละ เลิกใช้ในปี ค.ศ. 2016
จากบทความบนหน้าเว็บไซต์ eArmor ของกองทัพสหรัฐฯ ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะส่งมอบคลัสเตอร์บอมบ์ ชนิด DPICMs ไปให้แก่ยูเครน โดยคลัสเตอร์บอมบ์ชนิดนี้จะถูกยิงจาก ปืน ค. ขนาด 155 มม.
คลัสเตอร์บอมบ์ชนิด DPICMs หนึ่งลูก จะมีระเบิดลูกเล็กๆ อยู่ข้างในจำนวน 88 ลูก ซึ่งแต่ละลูกมีระยะอันตราย 10 ตารางเมตร โดยคลัสเตอร์บอมบ์เพียงลูกเดียว สามารถทำลายฝ่ายศัตรูได้เป็นพื้นที่กว้างนับ 30,000 ตารางเมตร แต่จะขึ้นอยู่กับความสูงของระดับคลัสเตอร์บอมบ์ที่ปล่อยระเบิดลูกเล็กออกมา
นอกจากนั้น เหล่าแกนนำในรัฐบาลสหรัฐฯ บอกว่า สหรัฐฯ จะส่งคลัสเตอร์บอมบ์ ชนิดที่มีอัตราไม่ได้ผลต่ำ (dud rate) เพื่อลดความผิดพลาด ที่ระเบิดลูกเล็กที่ถูกปล่อยออกมาไม่ทำงาน หรือไม่เกิดระเบิดและตกอยู่ตามสมรภูมิรบ หรือเขตชุมชน จนอาจสังหารพลเรือนโดยไม่เจตนาได้ในภายหลัง
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เผยว่าสหรัฐฯ จะส่งระเบิดลูกปรายไปให้แก่ยูเครนหลายพันลูก แต่ไม่บอกแน่ชัดว่าจะส่งไปให้จำนวนเท่าใด
...
ทำไมกว่า 100 ประเทศแบน'คลัสเตอร์บอมบ์'?
ขณะนี้มีรัฐบาลกว่า 100 ประเทศรวมทั้งสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และเยอรมนี ร่วมลงนามในอนุสัญญาของสหประชาชาติว่าด้วยคลัสเตอร์บอมบ์ หรือระเบิดลูกปราย โดยทั้งห้ามผลิต ห้ามใช้ ห้ามกักตุน และห้ามขนย้าย
สาเหตุที่กว่า 100 ประเทศร่วมลงนามในอนุสัญญาฉบับนี้เพราะเห็นว่า เป็นอาวุธที่สามารถสังหารพลเรือนได้ในภายหลัง โดยเฉพาะเด็กๆ ที่ต้องตกเป็นเหยื่อได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต จากการนำระเบิดลูกเล็กๆที่ตกอยู่ตามทุ่ง ในเขตที่อยู่อาศัยมาเล่น โดยหารู้ไม่ว่ามันคือคลัสเตอร์บอมบ์
กลุ่มสิทธิมนุษยชนหลายแห่งประณามคลัสเตอร์บอมบ์ว่าเป็นอาวุธที่น่ารังเกียจ และแม้เป็นอาชญากรสงคราม
รัสเซีย สหรัฐฯ และยูเครน ไม่ยอมร่วมแบน
...
ทั้งรัสเซียและยูเครน ได้ใช้ระเบิดคลัสเตอร์บอมบ์ ทั้งคู่ นับตั้งแต่เริ่มเกิดสงครามในยูเครน เมื่อ 24 ก.พ. 2565 เพราะทั้งรัสเซีย และยูเครน รวมถึงสหรัฐฯ ไม่ได้ร่วมลงนามในอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยระเบิดลูกปราย
มีรายงานว่า คลัสเตอร์บอมบ์ ของฝ่ายรัสเซีย มีอัตราไม่ได้ผลสูง 40 % ซึ่งหมายถึงยังมีระเบิดลูกเล็กๆ ตกกระจายอยู่บนพื้น ในพื้นที่สมรภูมิรบ ในขณะที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ อ้างว่า คลัสเตอร์บอมบ์ของสหรัฐฯ มีอัตราไม่ได้ผล น้อยกว่า 3%
ทำไมยูเครนอยากได้คลัสเตอร์บอมบ์?
ตอนนี้ กองทัพยูเครนกำลังเผชิญกับจำนวนกระสุนปืนใหญ่ลดน้อยลงในหลายพื้นที่ เนื่องจากได้ใช้กระสุนปืนใหญ่ไปเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกับฝ่ายรัสเซีย ในขณะที่ชาติตะวันตก ซึ่งเป็นพันธมิตรของยูเครน ไม่สามารถส่งกระสุนปืนใหญ่มาเสริมได้รวดเร็วตามที่กองทัพยูเครนจำเป็นต้องใช้
...
ด้วยสาเหตุที่กระสุนปืนใหญ่ของยูเครนร่อยหรอ ทำให้รัฐบาลยูเครนได้ร้องขอให้สหรัฐฯ ส่งคลัสเตอร์บอมบ์ มาเสริมทัพ โดยมีเป้าหมายที่จะใช้ในการโจมตีทหารราบรัสเซียที่ประจำการในสนามเพลาะแนวรบป้องกัน
ผู้เชี่ยวชาญบางคนมีความเห็นว่า ยูเครนจะใช้คลัสเตอร์บอมบ์ในการป้องกันการถูกรัสเซีย ฝ่ายข้าศึกยิงจากสนามเพลาะ และกองทหารยูเครนยังสามารถมีเวลาที่มีค่าในการช่วยพวกเขาให้รอดจากกับระเบิดของฝ่ายรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านสงครามอีกฝ่ายหนึ่งแย้งว่า ยูเครนไม่จำเป็นที่ต้องใช้คลัสเตอร์บอมบ์ เพราะมีอาวุธอย่างอื่นในการทำภารกิจเหล่านี้
แต่ท้ายที่สุดแล้ว รัฐบาลไบเดนได้ตัดสินใจส่งคลัสเตอร์บอมบ์ ไปให้แก่ยูเครน ที่รวมอยู่ในแพ็กเกจความช่วยเหลือทางทหารก้อนใหม่แก่ยูเครน มูลค่า 800 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 28,000 ล้านบาท
และหากรวมความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดนับตั้งแต่เกิดสงครามในยูเครนแล้ว รัฐบาลไบเดน ได้ทุ่มงบช่วยยูเครนไปแล้วมหาศาลถึง 40,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1 ล้านล้านบาทเลยทีเดียว.
ผู้เขียน : อรัญญา ศรีจันทรนิตย์
ที่มา : CNN, BBC, TheGuardian