ร้านอาหารแห่งหนึ่งในประเทศจีน จัดแข่งกินจุให้ลูกค้าทานเกี๊ยว 108 ชิ้น แลกค่าอาหารฟรี แต่กลับโดนทางการตรวจสอบข้อหากินอาหารสิ้นเปลือง

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ 9 ก.ค. 2566 ว่า ร้านอาหารซึ่งไม่มีการเปิดเผยชื่อในเมืองอี้ปิน ในมณฑลเสฉวน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน จัดการแข่งขัน “ราชากินจุ” ให้ลูกค้าทานเกี๊ยวเผ็ด จำนวน 108 ชิ้น โดยเร็วที่สุดแลกค่าอาหารฟรี และของรางวัลอื่นๆ เพิ่มเติม

แต่โฆษณาที่ทางร้านเผยแพร่ทางเครือข่ายสังคมออนไลน์กลับไปเตะตาเจ้าหน้าที่สำนักงานบริหารจัดการกฎระเบียบตลาดแห่งรัฐ (SAMR) ซึ่งเริ่มทำการสืบสวนว่า ร้านอาหารแห่งนี้ละเมิดกฎหมายว่าด้วยความสิ้นเปลืองทางอาหาร ฐานกระตุ้นหรือชี้นำในทางที่ผิดให้ลูกค้าสั่งอาหารปริมาณมากเกินกว่าจะยอมรับได้จนก่อให้เกิดความสูญเปล่าอย่างชัดเจนหรือไม่

หากถูกตัดสินว่ามีความผิดจริง ทางร้านอาจโดนปรับเงินสูงสุด 10,000 หยวน (ราว 48,680 บาท) ส่วนสถานีวิทยุหรือโทรทัศน์ รวมถึงผู้เผยแพร่วิดีโอหรือข้อความเสียงลงบนโลกออนไลน์ อาจถูกปรับสูงกว่าถึง 10 เท่า หากพบว่าพวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องในการ จัดทำ, เผยแพร่, โปรโมต โครงการหรือข้อความเสียงเกี่ยวกับการกินอาหารมากผิดปกติ

ทั้งนี้ รัฐบาลจีนต่อต้านเรื่องการกินอาหารสิ้นเปลืองอย่างมาก เนื่องจากชาวจีนจำนวนมากยังคงไม่ลืมภาวะอดอยากครั้งใหญ่ในช่วง ค.ศ. 1950-60 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 45 ล้านคน และร้านอาหารที่เมืองอี้ปิน ก็ไม่ใช่แห่งเดียวที่กำลังถูกตรวจสอบฐานจัดการแข่งขันลักษณะคล้ายกัน

กฎหมายต่อต้านการกินอาหารสิ้นเปลืองถูกบังคับใช้ในปี 2564 หลังจากมีบล็อกเกอร์ออนไลน์จำนวนมาก ถ่ายทอดสดตัวเองกินอาหารหรือเครื่องดื่มในปริมาณมากเพื่อเรียกยอดผู้ชม ทำให้รัฐบาลออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ก่อนที่บล็อกเกอร์หลายคนที่ทำแบบนี้จะถูกระงับบัญชีผู้ใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์

...

อย่างไรก็ตาม ชาวเน็ตจีนบางคนก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลจีนว่าทำเกินกว่าเหตุ เรื่องตรวจสอบการแข่งกินจุ “นี่นับว่าสิ้นเปลืองหรือ? ทำไมถึงไม่ให้คนแข่งกันว่าใครกินได้มากที่สุดล่ะ? และต่อให้ไม่แข่งอาหารที่ไม่ได้ถูกกินจะไปถึงคนยากจนจริงๆ หรือเปล่า?” ผู้ใช้เว่ยป๋อคนหนึ่งระบุ

ขณะที่อีกคนชี้ว่า จีนมีสถิติเรื่องความปลอดภัยทางอาหารแย่มาตลอด จนเกิดเรื่องอื้อฉาวหลายครั้งไล่ตั้งแต่ นมผงปนเปื้อน ไปจนถึงการนำน้ำมันจากท่อระบายน้ำ (gutter oil) มารีไซเคิลใช้ใหม่ “คุณไม่ควบคุมดูแลความปลอดภัยของอาหาร ... แต่มาควบคุมเรื่องนี้เนี่ยนะ?”

ที่มา : cnn