เทสลา เผยว่า บริษัทได้ส่งมอบรถยนต์จำนวนมากเป็นประวัติการณ์ในไตรมาส 2 และสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาด
เทสลา ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า กล่าวว่า ได้ส่งมอบรถยนต์เป็นจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงไตรมาสสาม ตั้งแต่เดือนเมษายนจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน หลังจากลดราคาเพื่อกระตุ้นยอดขาย เทสลาได้ลดราคารถยนต์ในตลาดทั้งในสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และจีน เพื่อแข่งขันกับบริษัทคู่แข่ง อย่างไรก็ตามในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของจีนหลายแห่งรายงานยอดขายที่เพิ่มขึ้นในเดือนมิถุนายนเช่นกัน
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา อีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลา กล่าวว่า เขาเชื่อว่าการสร้างยอดขายที่สูงขึ้นแต่กำไรที่ลดลง คือ "ทางเลือกที่ถูกต้อง" สำหรับบริษัท
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เทสลา กล่าวว่า มีการส่งมอบรถยนต์ 466,140 คัน ในไตรมาสที่สอง ซึ่งสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนหน้ามากกว่า 80% ในขณะเดียวกันบริษัทกล่าวว่า ได้เพิ่มการผลิตรถยนต์เป็นเกือบ 480,000 คัน ในช่วงเวลาเดียวกัน
ด้านบริษัทที่ปรึกษาด้านยานยนต์ กล่าวว่า เทสลาได้ตัดสินใจเลือกเชิงกลยุทธ์เพื่อเป็นผู้ผลิตในเชิงปริมาณ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น เนื่องจากรุ่น 3 และรุ่น Y ที่มีปริมาณการผลิตสูงขึ้น ได้รับประโยชน์จากสงครามราคา
ทั้งนี้ จีนถือเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเทสลารองจากอเมริกาเหนือ ในขณะที่เทสลากำลังลดราคารถยนต์ในจีน ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ที่ต้องเผชิญกับการแข่งขันจากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในท้องถิ่น
ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัท Li-Auto ในกรุงปักกิ่ง กล่าวว่า ยอดส่งมอบรถทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 32,575 คัน ในเดือนมิถุนายน นับเป็นการสร้างสถิติยอดขายรายเดือน เป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ในขณะเดียวกันการส่งมอบของบริษัทนีโอ ในนครเซี่ยงไฮ้ และ Xpeng ในนครกวางโจว พุ่งขึ้นเป็น 10,707 คัน และ 8,620 คัน ตามลำดับในระหว่างเดือนมิถุนายน
...
เทสลายังต้องต่อสู้กับการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในส่วนอื่นๆ ของโลก และผลกระทบของต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นสำหรับลูกค้า ส่วผลให้เทสลาจำเป็นต้องใช้มาตรการลดราคาในปีนี้
เมื่อเดือนเมษายน เทสลา กล่าวว่า ไม่มีแผนที่จะรักษาเสถียรภาพของราคารถยนต์ แม้ว่าการลดราคาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจะส่งผลกระทบต่อผลกำไรก็ตาม มัสก์เคยกล่าวในทวิตเตอร์ว่า "เราไม่ได้เริ่มสงครามราคา เราแค่ลดราคาเพื่อให้สามารถขายได้ในปริมาณมาก"
ในขณะที่เทสลา กล่าวว่า รายได้โดยรวมเพิ่มขึ้นเกือบ 1 ใน 4 ในไตรมาสแรกจากปีที่แล้ว เนื่องจากยอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ผลกำไรในช่วงเวลาเดียวกันลดลง 24% เนื่องจากการลดราคาและต้นทุนวัตถุดิบและสินค้าอื่นๆ ที่สูงขึ้น โดยบริษัทมีกำหนดจะรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ในวันที่ 19 กรกฎาคมนี้.