• ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เลิกโพสต์เฟซบุ๊ก และลบบัญชีเครือข่ายสังคมออนไลน์ยอดนิยมแล้ว หลังถูกลบคลิปวิดีโอการเมือง ไม่กี่วันก่อนเริ่มหาเสียงสำหรับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 23 ก.ค.นี้
  • รัฐบาลกัมพูชาขู่ว่าจะแบนเฟซบุ๊กทั่วประเทศ แต่เพราะเห็นแก่ประชาชนที่ยังนิยมใช้กัน เลยตัดสินใจยังไม่แบน แต่มีประกาศขับไล่ตัวแทนเฟซบุ๊กออกจากกัมพูชาและหยุดกิจกรรมทั้งหมด เช่น ตัวแทนบริษัท รัฐบาล ความสัมพันธ์และความร่วมมือภาคเอกชนในกัมพูชา ตั้งแต่เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน เป็นต้นไป

สัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานข่าวว่า สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ถูกเฟซบุ๊กระงับบัญชี เพราะถูกใช้ว่าเป็นเครื่องมือโจมตีฝ่ายตรงข้าม และใช้ภาษายั่วยุให้เกิดความรุนแรง ต่อมาเฟซบุ๊กของฮุน เซน ก็หายไปจากเฟซบุ๊กจริงๆ เหลือเพียงเพจปลอมที่มีชื่อเดียวกับผู้นำกัมพูชาจำนวนหลายสิบเพจ

ต่อมาสื่อท้องถิ่นของกัมพูชารายงานว่า สมเด็จฮุน เซน ได้ลบบัญชีเฟซบุ๊กของเขาเองที่มีผู้ติดตาม 14 ล้านคน เพื่อเป็นการตอบโต้ และแสดงความไม่พอใจจากกรณีคณะกรรมการกำกับดูแลแพลตฟอร์มของเมตา (Meta) แนะนำให้เฟซบุ๊ก และอินสตาแกรมระงับบัญชีของฮุน เซน นาน 6 เดือน ให้เหตุผลว่าในวิดีโอคำปราศรัยเมื่อเดือนมกราคม ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้ชม 600,000 ครั้ง มีข้อความแสดงเจตนาที่จะใช้ความรุนแรงต่อนักการเมืองฝ่ายค้านอย่างชัดเจน

โดยพรรคของฮุน เซน กวาดชัยชนะถล่มทลายในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2561 หลังศาลสั่งยุบพรรคกู้ชาติกัมพูชา ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน ส่งผลให้ ฮุน เซน ครองอำนาจมายาวนานถึง 38 ปี เป็นหนึ่งในผู้นำที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดในโลก และเป็นที่คาดว่าเขากำลังเคลื่อนไหวให้ ฮุน มาเนต ลูกชายคนโตสืบทอดอำนาจเมื่อถึงเวลาเกษียณ

กลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวหาว่า ฮุน เซน ใช้ระบบกฎหมายเพื่อบดขยี้ฝ่ายค้าน และฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองหลายคนถูกตัดสินว่ามีความผิดในช่วงเวลาที่เขาครองอำนาจ

...

ฮุน เซน ขู่เตรียมแบน Facebook ทั้งประเทศ

เพื่อตอบโต้กระแสข่าวเกี่ยวกับเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวสุนทรพจน์ต่อบรรดาคนงานเกือบ 7,000 คน จากโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า 10 แห่ง ในจังหวัดโพธิสัตว์ ขู่ว่าอาจสั่งบล็อกการเข้าถึงเฟซบุ๊กในกัมพูชาได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะเป็นการชั่วคราวหรือตลอดไป โดยตั้งคำถามไปยังเฟซบุ๊กว่าทำไมปล่อยให้ฝ่ายค้านโพสต์ข้อความโจมตีสมเด็จพระเจ้านโรดม สีหมุณี รวมไปถึงโจมตีภรรยา และลูกๆ ของเขา พร้อมเตือนเฟซบุ๊กว่าอย่าเอาเรื่องทางเทคนิคมาอ้าง แต่กลับละเลยการจัดการกับพวกฝ่ายค้าน 

ผู้นำกัมพูชาระบุว่า เคารพในนโยบายของเฟซบุ๊ก แต่เฟซบุ๊กเองก็ไม่ได้มีการจัดการปัญหาอย่างทั่วถึง แถมยังมีเพจปลอมแปลงนายกรัฐมนตรีกัมพูชามากกว่า 20 บัญชี ด้วยเหตุผลเหล่านี้เขาเลยจะย้ายการเคลื่อนไหวกิจกรรมในโซเชียลมีเดียไปยังเทเลแกรมแทน ซึ่งเป็นเครือข่ายที่มีการสื่อสารในชุมชนโลกออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า และยังปลอดภัยจากการถูกแฮกข้อมูลบัญชีมากกว่า 

ผู้นำกัมพูชาวัย 70 ปี กล่าวว่า รัฐบาลกัมพูชาจะไม่ปิดกั้นการเข้าถึงเฟซบุ๊กในกัมพูชา และเขาไม่ต้องการสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนจากการบล็อกเฟซบุ๊ก แต่ได้แนะนำให้หันไปใช้โซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มอื่นๆ เช่น What'sApp หรือ Viper และยังระบุด้วยว่านับจากนี้จะเผยแพร่ข่าวสารและถ่ายทอดสดผ่านแอปพลิเคชันเทเลแกรม ที่ชี้ว่าเป็นเครือข่ายการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากกว่า รวมไปถึงแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นสัญชาติจีนอย่าง TikTok เพื่อรับข้อมูลข่าวสารและแสดงความคิดเห็นกัน ซึ่งขณะนี้มีผู้ติดตามใน 2 ช่องทางรวมกันมากกว่า 1.15 ล้านคนแล้ว

อย่างไรก็ตาม กระทรวงไปรษณีย์และโทรคมนาคม ได้ตัดสินใจขับไล่ตัวแทนเฟซบุ๊ก ออกจากกัมพูชาและหยุดกิจกรรมทั้งหมด เช่น ตัวแทนบริษัท รัฐบาล ความสัมพันธ์และความร่วมมือภาคเอกชนในกัมพูชาตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน เป็นต้นไป

การตัดสินใจล่าสุดนี้ เกิดขึ้นหลังจากกระทรวงตรวจสอบพบการสร้างบัญชีปลอมของเฟซบุ๊ก พบความเสี่ยงของข้อมูลส่วนตัว การใช้และการรวบรวมข้อมูลส่วนตัว การเผยแพร่ข้อมูลเท็จ การขาดความรับผิดชอบและความโปร่งใส และการแทรกแซงกิจการทางการเมืองของประเทศ

คำชี้แจงจากเฟซบุ๊ก

สื่อกัมพูชารายงานอ้างคำเปิดเผยของโฆษกบริษัท Meta ที่ย้ำว่าทางบริษัทไม่ได้ระงับ หรือเป็นผู้ลบบัญชีเฟซบุ๊กของนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ผู้นำกัมพูชา แต่พบว่าบัญชีนี้ลบเพจของตัวเอง 

คำเปิดเผยของ Meta มีขึ้นหลังจากมีข่าวลือว่าบริษัทได้ตัดสินใจปิดหน้าเฟซบุ๊กของนายกรัฐมนตรีฮุน เซน เนื่องจากละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือสิทธิทางการเมือง อย่างไรก็ตาม รายงานจากข่าวของสื่อกัมพูชาระบุชัดเจนว่า บัญชีของนายกรัฐมนตรีไม่ได้ถูกลบ หรือลบโดยแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย และในความเป็นจริงนายกรัฐมนตรี เลือกที่จะลบเอง เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีมองว่า จุดเปลี่ยนคือเมื่อเฟซบุ๊กประกาศว่ากำลังลบหนึ่งในวิดีโอของฮุน เซน ซึ่งสอดคล้องกับคำตัดสินของคณะกรรมการกำกับดูแลสำหรับ Meta บริษัทแม่ ซึ่งแนะนำให้บัญชีเฟซบุ๊ก และอินสตาแกรมของเขาถูกระงับเป็นเวลา 6 เดือน 

โดยวิดีโอที่ถูกโพสต์เมื่อเดือนมกราคม นายกรัฐมนตรีฮุน เซน ขู่ดำเนินคดีทางกฎหมายต่อฝ่ายตรงข้าม หากมีการกล่าวหาพรรคของเขาว่าขโมยคะแนนเสียงในการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนกรกฎาคม

คณะกรรมการของเมตา ระบุว่า คำปราศรัยของฮุน เซน มีข้อความที่บ่งชี้ชัดเจนเกี่ยวกับเจตนาที่จะใช้ความรุนแรงต่อนักการเมืองฝ่ายค้าน

Facebook กับการเมืองกัมพูชาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

นอกเหนือจากทีวี และวิทยุแล้ว โซเชียลเน็ตเวิร์กอย่างเฟซบุ๊กได้กลายเป็นแพลตฟอร์มที่สำคัญที่สุดอันดับ 2 สำหรับชาวกัมพูชาในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและเหตุการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้น โดยเฟซบุ๊กกลายเป็นพลังขับเคลื่อนทางการเมืองที่จริงจังในกัมพูชา

...

บรรดาผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เป็นกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่และใช้สื่อสังคมออนไลน์เป็นหลัก ได้ร่วมกันสนับสนุนพรรคฝ่ายค้าน โดยใช้เครือข่ายทางสังคมนี้แบ่งปันข่าวสารและข้อมูล และประสานงานในการหาเสียงของพวกเขา

อย่างไรก็ตาม ย้อนไปในการเลือกตั้งทั่วไปของประเทศในปี 2556 ซึ่งฮุนเซนเกือบจะพ่ายแพ้ในปีนั้น พรรคของเขาสูญเสียที่นั่งในรัฐสภาไป 22 ที่นั่ง ทำให้ฮุน เซน ต้องคิดกลยุทธ์ใหม่ ซึ่งรวมถึงการเรียนรู้จากการใช้สื่อสังคมออนไลน์ของฝ่ายค้าน

ในเดือนกันยายน 2556 ฮุน เซน เปิดเผยว่า เพจเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อของเขามานาน แม้ว่าเขาจะปฏิเสธว่าไม่ได้ดำเนินการก็ตาม แต่ความจริงแล้วเป็นเพจอย่างเป็นทางการของเขา เขายอมรับว่าเป็นเจ้าของเพจนี้ หลังจากที่เพจได้รับการกด Like กว่า 1 ล้านครั้ง และต่อมาฮุน เซน ได้ใช้โซเชียลมีเดียในการเป็นเครื่องมือโจมตีฝ่ายตรงข้ามอย่างเต็มรูปแบบ 

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ฮุน เซน เป็นหนึ่งในผู้นำประเทศที่คลั่งไคล้ในโซเชียลมีเดีย เขามักจะปราศรัยไลฟ์สดบนเฟซบุ๊ก โพสต์ภาพเซลฟี่ และอัปโหลดเอกสารและภาพถ่ายทุกประเภท ตั้งแต่ภาพหลานๆ คนในครอบครัวไปจนถึงรูปภาพของเพื่อนเก่าที่นอนป่วยอยู่บนเตียง

นอกจากนี้ ฮุน เซน ได้เปิดตัวเว็บไซต์ส่วนตัวใหม่ และเปิดแอปพลิเคชันของตัวเอง สำหรับโทรศัพท์ Android  และ iOS ซึ่งต่อมาเพจเฟซบุ๊กของเขามี 1.8 ล้านไลค์ และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ.

ผู้เขียน เพ็ญโสภา สุคนธรักษ์

ข้อมูล KhmerTimes BBC