ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท โอเชียนเกต ออกโรงตอบโต้ เจมส์ คาเมรอน ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเรื่องความปลอดภัยของเรือดำน้ำไททัน

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า หลังจากเป็นที่ยืนยันเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า เรือดำน้ำ ‘ไททัน’ ซึ่งดำลงไปก้นมหาสมุทรแอตแลนติกเพื่อชมซากเรือไททานิก ประสบชะตากรรมเลวร้ายจนผู้โดยสารบนเรือทั้ง 5 คนเสียชีวิตทั้งหมด ส่งผลเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ โอเชียนเกต บริษัทเจ้าของเรืออย่างหนัก

หนึ่งในคนดังที่ออกมาโจมตีโอเชียนเกตคือ เจมส์ คาเมรอน ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อก้องโลกก็ออกมาร่วมวง โดยกล่าวหา โอเชียนเกต ว่าเพิกเฉยต่อคำเตือนเรื่องความปลอดภัยจากหลายฝ่าย ขณะที่ นายวิลเลียม โคห์เนน ประธานคณะกรรมการยานดำน้ำแบบควบคุมโดยมนุษย์ (MUVC) กล่าวหาโอเชียนเกตว่า ไม่ยอมเข้ากระบวนการขอใบรับรองความปลอดภัยตามมาตรฐานให้เรือไททัน

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดในวันศุกร์ที่ 23 มิ.ย. 2566 นายกีเยอร์โม โซห์นไลน์ (Guillermo Söhnlein) ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท โอเชียนเกต เมื่อปี 2552 และอยู่ในบริษัทฯ จนถึงปี 2556 ออกมาปกป้อง นายสต็อกตัน รัช ผู้ร่วมก่อตั้งอีกคนซึ่งเสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ด้วยว่า เพื่อนของเขาผู้นี้ไม่ใช่คนหุนหันพลันแล่น และใส่ใจเรื่องความปลอดภัยอย่างมาก

นายโซห์นไลน์ ออกตัวว่า เขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการออกแบบเรือดำน้ำไททัน แต่นายรัชซึ่งก่อนเสียชีวิตเป็นซีอีโอของบริษัทโอเชียนเกต ขยันขันแข็งอย่างมากในเรื่องการจัดการความเสี่ยง และตระหนักถึงอันตรายในการดำลงไปในสภาพแวดล้อมใต้มหาสมุทรดี

นายโซห์นไลน์ ยังกล่าวตอบโต้ นายคาเมรอน อีกด้วย โดยยกเรื่องที่ผู้กำกับชื่อดังรายนี้เคยนั่งเรือดำน้ำลงไปดูซากเรือไททานิกมาแล้วมากกว่า 30 ครั้ง และเคยดำลงไปในร่องลึกก้นสมุทรมาเรียนา ซึ่งเป็นจุดที่ลึกที่สุดในมหาสมุทรแปซิฟิกมาแล้ว ขึ้นมาโจมตี

...

“ผมคิดว่าเขาเคยถูกถามเกี่ยวกับความเสี่ยงคล้ายๆ กันนะ แล้วเขาก็ตอบว่า ‘ฟังนะ หากเกิดอะไรบางอย่างขึ้นที่ความลึกนั้น มันจะเป็นหายนะภายในไม่กี่ไมโครวินาที’ ”

นายโซห์นไลน์ ย้ำด้วยว่า ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรือดำน้ำไททัน และว่าเป็นเรื่องยากที่จะวางกฎระเบียบทั่วโลกสำหรับเรือดำน้ำที่ถูกออกแบบมาให้ดำน้ำลึกเป็นพิเศษ แต่การสำรวจใต้ทะเลลึกควรดำเนินต่อไป แม้จะเกิดโศกนาฏกรรมครั้งนี้

“มันก็เหมือนการสำรวจอวกาศ วิธีที่ดีที่สุดในการรักษาความทรงจำและมรดกของนักสำรวจทั้ง 5 คนนี้คือ การสืบสวนเพื่อหาว่าเกิดอะไรขึ้น เรียนรู้บทเรียนจากมันแล้วก้าวต่อไปข้างหน้า” นายโซห์นไลน์ กล่าว.

ที่มา : cna