นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเผยแผนการทุ่มงบประมาณ 8.6 แสนล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาอัตราการเกิดต่ำ ซึ่งกำลังเกิดขึ้นในประเทศ
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 1 มิ.ย. 2566 นายกรัฐมนตรี ฟุมิโอะ คิชิดะ แห่งประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยแผนการทุ่มงบประมาณ 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 8.65 แสนล้านบาท ตลอด 3 ปีข้างหน้า เพื่อเพิ่มการสนับสนุนแก่คนหนุ่มสาวและครอบครัวต่างๆ หวังเพิ่มอัตราการเกิดในประเทศที่ลดต่ำลงจนถึงขั้นวิกฤติ
แผนการดังกล่าวรวมถึงการเพิ่มจำนวนเงินอุดหนุนที่จะมอบให้แก่ครอบครัวที่มีลูกโดยตรง และเพิ่มความช่วยเหลือทางการเงินสำหรับการศึกษาและการฝากครรภ์ นอกจากนั้นยังสนับสนุนให้ที่ทำงานมีรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่นขึ้น และให้ผู้เป็นพ่อลางานไปอยู่กับลูกน้อยที่เพิ่งเกิดได้
นายคิชิดะ กล่าวว่า เขากำลังเสนอนโยบายใหม่เพื่อแก้ปัญหาอัตราการเกิดลดลงในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เช่นเดียวกับขั้นตอนต่างๆ เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่คนหนุ่มสาวและเด็กๆ ในรุ่นถัดไป “เราจะผลักดันมาตรการเหล่านี้เพื่อต่อสู้กับการลดลงของอัตราการเกิด โดยไม่ต้องให้สังคมแบกรับภาระเพิ่มขึ้น”
ทั้งนี้ ประเทศญี่ปุ่น กำลังเผชิญปัญหาอัตราการเกิดต่ำหนักที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ของโลก และเป็นประเทศที่มีประชากรในวัยชรามากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากโมนาโก ขณะที่กฎการรับผู้อพยพที่เข้มงวดก็ทำให้ญี่ปุ่นมีปัญหาขาดแคลนแรงงานมากขึ้นด้วย
ปัจจุบัน ประเทศที่มีประชากรถึง 125 ล้านคนแห่งนี้ มีเด็กเกิดใหม่ไม่ถึงปีละ 800,000 คน ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เริ่มบันทึกสถิติ ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้สูงอายุกลับเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
ในการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดี นายคิชิดะ ระบุว่า เขาต้องการงบประมาณ 3.5 ล้านล้านเยน (ราว 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อใช้จ่ายในนโยบายกู้วิกฤติอัตราการเกิดตลอดช่วง 3 ปีข้างหน้า แต่ก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมา เนื่องจากรัฐบาลไม่ได้บอกว่าจะเอางบประมาณดังกล่าวมาจากที่ไหน นอกจากการลดรายจ่ายในส่วนอื่นๆ.
...
ที่มา : cna